แอปเปิ้ลเขียว ประโยชน์ต่อด้านสุขภาพและข้อควรรู้ก่อนรับประทาน

แอปเปิ้ลเขียวเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในการบำรุงสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะแอปเปิ้ลเขียวมีแคลอรี่ต่ำและมีใยอาหารสูง ทำให้ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักสามารถรับประทานได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ แอปเปิ้ลเขียวยังมีสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด ทำให้มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงสุขภาพอีกมากมายด้วย

แอปเปิ้ลเขียวขนาดกลาง 1 ลูกให้พลังงาน 25 แคลลอรี่ และยังให้คาร์โบไฮเดรต 25 กรัม น้ำตาล 19 กรัม และใยอาหารอีก 4 กรัมด้วย แอปเปิ้ลเขียวเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียล และธาตุเหล็ก ในส่วนของรสชาติ แอปเปิ้ลเขียวจะมีรสเปรี้ยวกว่าแอปเปิ้ลแดงเล็กน้อย แต่ปริมาณพลังงานและสารอาหารที่มีนั้นไม่แตกต่างกันมากนัก 

แอปเปิ้ลเขียวกับ 6 คุณประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพ

6 คุณประโยชน์ของแอปเปิ้ลเขียว

แอปเปิ้ลเขียวมีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพหลายประการ ดังนี้

1. มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

ในแอปเปิ้ลเขียวโดยเฉพาะบริเวณเปลือกจะอุดมไปด้วยสารพฤกษเคมี (Phytonutrients) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) และสารเควอเซทิน (Quercetin) โดยสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้อาจสามารถช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้เกิดการอักเสบและเสียหายจากปฏิกิริยาของอนุมูลอิสระ รวมถึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้

2. ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

แอปเปิ้ลเขียวมีแคลอรี่ต่ำ แต่มีส่วนประกอบของใยอาหารและน้ำในปริมาณมาก ซึ่งใยอาหารในแอปเปิ้ลเขียวจะทำให้ร่างกายย่อยอาหารได้ช้าลง ช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นาน จึงเหมาะแก่การรับประทานเป็นอาหารว่างสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะช่วยลดความรู้สึกหิว และอาจช่วยลดการรับประทานขนมหวานจุกจิกในระหว่างวันได้นั่นเอง

3. ช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร

ในแอปเปิ้ลเขียวจะมีใยอาหารชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าเพคติน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก โดยเพคตินจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น การรับประทานแอปเปิ้ลเขียวจึงอาจช่วยป้องกันหรือรักษาอาการท้องผูก ท้องร่วง รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารต่าง ๆ ได้

4. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

แอปเปิ้ลเขียวอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิด ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมร่างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุในการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคไข้หวัด และโรคไข้หวัดใหญ่

นอกจากนี้ ระบบภูมิคุ้มกันที่ดีอาจช่วยรักษาหรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหอบหืดจากอาการภูมิแพ้ได้ด้วย

5. ช่วยบำรุงสุขภาพหัวใจ

ในแอปเปิ้ลเขียวมีใยอาหาร วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีบทบาทสำคัญในการบำรุงสุขภาพหัวใจ โดยใยอาหาร และวิตามินซีซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ จะทำงานร่วมกันในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และช่วยลดระดับความดันในเลือด จึงอาจส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจลดลงตามไปด้วย

6. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน

การรับประทานผลไม้สดที่มีใยอาหารสูงเป็นประจำ อาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ เนื่องจากใยอาหารในผลไม้สดจะช่วยควบคุมระดับระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นทันทีหลังจากการรับประทาน ซึ่งแอปเปิ้ลเขียวก็เป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูงชนิดหนึ่ง อีกทั้งยังมีน้ำตาลในปริมาณที่ต่ำด้วย จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

เคล็ดลับในการรับประทานแอปเปิ้ลเขียวให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุด

คนทั่วไปสามารถรับประทานแอปเปิ้ลเขียวได้โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่ดีในการบำรุงสุขภาพด้วย อย่างไรก็ตาม หากทราบเคล็ดลับเหล่านี้อาจทำให้คุณได้รับประโยชน์จากการรับประทานแอปเปิ้ลเขียวมากยิ่งขึ้น

  • ปริมาณที่เหมาะสมในการรับประทานแอปเปิ้ลเขียวคือรับประทานอย่างน้อยวันละ 1 ลูก แต่ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป
  • การเลือกรับประทานแอปเปิ้ลเขียวควรเลือกลูกที่มีสีเขียวอมแดงเล็กน้อย เพราะเป็นแอปเปิ้ลที่ได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ก่อนการเก็บเกี่ยวจึงอาจมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า
  • ควรรับประทานแอปเปิ้ลเขียวทั้งเปลือก เพราะสารอาหารส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณเปลือก แต่ควรทำความสะอาดแอปเปิ้ลเขียวก่อนนำมารับประทานเพื่อไม่ให้มีสารตกค้าง เช่น ยาฆ่าแมลง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ 
  • การทำความสะอาดแอปเปิ้ลเขียวไม่ให้มีสารตกค้างสามารถทำได้ด้วยการแช่แอปเปิ้ลทั้งลูกในสารละลายเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนชา ต่อน้ำสะอาด 2 ถ้วย ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นนำมาล้างในน้ำที่ไหลผ่านจนกว่าเปลือกจะหายลื่น

แม้ว่าแอปเปิ้ลเขียวจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ แต่หากรับประทานมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะหรือโรคกรดไหลย้อน หรืออาจทำให้เกิดอาการท้องอืดตามมาได้ จึงควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเลือกรับประทานผักและผลไม้อย่างหลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน