ถามแพทย์

  • มีตุ่มคล้ายสิวหัวช้างที่หลังหู กดเจ็บ ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ทายาที่ตุ่ม แล้วตกสะเก็ดสีดำ ต่อมามีอาการปวดบวมร้อนมา 1 สัปดาห์แล้ว กินยาฆ่าเชื้ออยู่

  • หวัดดีคับ ผมตื่นมามีอาการคล้ายสิวหัวช้างที่หลังหูสามเม็ด กดเจ็บ แล้วก้อต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ต่อมาเลยกินยาAmkเพื่อลดต่อมน้ำเหลืองกินมา2วัน อาการดีขึ้นผมจึงจัดการกับหัวสิวหัวช้างที่อยู่หลังหูใช้clinda m กับ benzac ac5 ตื่นมาอีกวันแผลตกสะเกดเฉยทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีหัว ตกสะเกดสีดำบุ๋มลงไปประมาณครึ่ง ซม. ต่อมามีอาการปวดบวมร้อน บางเวลา มีเหมือนโดนเข็มทิ่มเจ็บจี๊ดจี๊ด ตอนนี้ ผม ซื้อ cloxaมากินคับ กังวลเหมือนกัน แผลตกสะเก็ดแต่ยัง ปวด ร้อน อยู่ ตอนนี้ก้ออาทิตนึงแล้ว กินcloxa ได้สองเม็ด ควรกินต่อไปอีกนานเท่าไหร่ อาการผมปกติมั้ยคับ ตกสะเก็ดไม่มีหนอง บวมลดลง แต่ยังปวด ร้อนร้อน จี๊ดจี๊ด แต่แผลตกสะเก็ด ปล.ผ่านมาแล้วอาทิตนึง

    สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,

                         อาการปวด บวม ร้อนที่บริเวณหลังหู อาจเกิดจากมีการอักเสบของเนื้อเยื่อ (cellulitis) ซึ่งคือการที่เซลล์เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและผิวหนังเกิดการอักเสบติดเชื้อขึ้น นอกจากจะทำให้ผิวหนังมีอาการบวมแล้ว ผิวหนังจะแดง มีอาการเจ็บและปวด นอกจากนี้อาจมีไข้ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ร่วมด้วย สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากผิวหนังที่มีรอยแผล หรือจากแผลถลอกเล็กๆ ที่อาจเกิดจากการเกา เมื่อผิวหนังมีรอยแยกดังกล่าว เชื้อโรคก็จะเข้าสู่ผิวหนังชั้นและเนื้อเยื่อทำให้เกิดการติดเชื้ออักเสบได้ นอกจากนี้ อาจเกิดจากการติดเชื้อราก็ได้ด้วย 

                      หากการอักเสบของเนื้อเยื่อเป็นมากขึ้น ก็อาจกลายเป็นฝีตามมาได้ โดยหากมีรูเปิด ก็จะเห็นหนองไหลออกมา 

                      ทั้งนี้ หากอาการเป็นมา 1 สัปดาห์แล้ว ยังคงมีอาการบวมและปวดอยู่ แสดงว่ายังคงมีการอักเสบอยู่ และอาจเกิดจากมีหนองอยู่ข้างใน ซึ่งอาจมองไม่เห็นได้ ส่วนการที่มีสะเก็ดสีดำอยู่บนบริเวณส่วนที่บวม อาจเป็นส่วนของผิวหนังที่เคยมีบาดแผล แล้วเกิดมีสะเก็ดตามมาก็ได้ค่ะ

                       แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจว่าเป็นฝีหรือไม่ หากใช่ ก็จะได้ผ่าระบายเอาหนองออก เพราะหากไม่ระบายเอาหนองออก การอักเสบย่อมหายได้ช้า หรืออาจลุกลามมากขึ้นได้ค่ะ หรือหากไม่ใช่ ก็อาจเป็นก้อนซีสต์หรือก้อนเนื้องอก ที่มีการอักเสบติดเชื้อเกิดขึ้น จึงทำให้มีอาการเจ็บและปวดตามมา ซึ่งการรักษา ก็ต้องทานยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อให้การอักเสบหายก่อน แล้วตามด้วยการผ่าตัดเอาก้อนซีสต์หรือก้อนเนื้อออกต่อไปค่ะ 

                         ส่วนยาปฏิชีวนะ cloxacillin ที่ซื้อทานเอง หากไม่มีประวัติการแพ้ยา ก็สามารถทานยาต่อไปได้ โดยควรทานครั้งละ 1 เม็ด  4 เวลาต่อวัน และควรทานก่อนอาหารค่ะ อย่างไรก็ตาม อย่างที่ได้กล่าวไป ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเป็นฝีหรือไม่ เพราะหากเป็นฝี การทานยาเพียงอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้การอักเสบหายได้ค่ะ