โดลูเทกราเวียร์ (Dolutegravir)

โดลูเทกราเวียร์ (Dolutegravir)

Dolutegravir (โดลูเทกราเวียร์) เป็นยาต้านไวรัสที่แพทย์ใช้ร่วมกับยาชนิดอื่นเพื่อรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus: HIV) ทั้งในผู้ใหญ่ และเด็กอายุมากกว่า 6 ปี โดยยาจะออกฤทธิ์ลดจำนวนเชื้อเอชไอวีในร่างกาย เพื่อช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

อย่างไรก็ตาม ยา Dolutegravir ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อเอชไอวีให้หายขาด หรือป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวีได้ โดยแพทย์จะใช้เพื่อช่วยควบคุมปริมาณไวรัส และช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติเท่านั้น ในบางกรณี แพทย์ยังอาจใช้ยา Dolutegravir เพื่อรักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

โดลูเทกราเวียร์ (Dolutegravir)

เกี่ยวกับยา Dolutegravir

กลุ่มยา กลุ่มยา Integrase Inhibitors
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของไวรัส
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่ และเด็กที่มีอายุมากกว่า 6 ปีขึ้นไป
รูปแบบของยา ยาเม็ด
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ แต่ยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป ผู้ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา

คำเตือนในการใช้ยา Dolutegravir 

เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา Dolutegravir ไม่ควรใช้ยานี้ 
  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทุกครั้งหากกำลังใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร วิตามิน หรือยาต่าง ๆ เช่น ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีชนิดอื่น ยารักษาโรคลมชัก ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาวัณโรค ยารักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และสมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต (St. John's Wort) เป็นต้น
  • ห้ามใช้ยา Dolutegravir ร่วมกับยาในกลุ่มที่ใช้รักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น ยาโดฟีทิไลด์ (Dofetilide) 
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา Dolutegravir หากมีปัญหาทางด้านสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคตับขั้นรุนแรง โดยเฉพาะโรคไวรัสตับอักเสบ บี และโรคไวรัสตับอักเสบ ซี โรคไตขั้นรุนแรง มีภาวะดื้อยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อเอชไอวีชนิดอื่น ภาวะซึมเศร้า และโรคทางอารมณ์ 
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับเอนไซม์ UGT1A1 ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เพื่อให้แพทย์ปรับปริมาณยาให้เหมาะสม เนื่องจากเอนไซม์ชนิดนี้เป็นเอนไซม์สำคัญในการย่อยสลายยา Dolutegravir ในร่างกาย
  • แพทย์อาจพิจารณาให้ผู้ป่วยหญิงตรวจการตั้งครรภ์ก่อนใช้ยา เนื่องจากการใช้ยา Dolutegravir อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ โดยเฉพาะหากใช้ยาในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ 
  • ผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์หรือกำลังตั้งครรภ์ ควรแจ้งให้แพทย์ก่อนใช้ยา Dolutegravir และหากตั้งครรภ์หลังจากใช้ยา Dolutegravir ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • ผู้ติดเชื้อเอชไอวีควรหลีกเลี่ยงการให้นมบุตร เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถปนไปกับน้ำนมได้
  • ผู้ป่วยเด็กที่ใช้ยา Dolutegravir ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ยา Dolutegravir ใช้สำหรับชะลอการเจริญเติบโตของเชื้อเอชไอวีเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถรักษาการติดเชื้อให้หายขาด และไม่สามารถป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเอชไอวีได้ ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แปรงสีฟันและใบมีดโกน 
  • ผู้ใช้ยา Dolutegravir แล้วต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน ควรแจ้งให้แพทย์และทันตแพทย์ทราบก่อน
  • การใช้ยา Dolutegravir อาจส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะ จึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ การทำกิจกรรมที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในระหว่างใช้ยา 

ปริมาณการใช้ยา Dolutegravir 

ปริมาณการรับประทานยา Dolutegravir เพื่อรักษาการติดเชื้อเอชไอวีจะขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนักตัว สุขภาพโดยรวม และดุลยพินิจของแพทย์ โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้

ผู้ใหญ่รับประทานยา Dolutegravir ในปริมาณ 50 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ร่วมกับยาริลพิไวรีน (Rilpivirine) หรือยาต้านเชื้อเอชไอวีชนิดอื่น แต่หากมีประวัติดื้อยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการทำงานของเอนไซม์อินทีเกรส แพทย์จะให้ผู้ป่วยรับประทานยา Dolutegravir ในปริมาณ 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งพร้อมอาหาร

เด็กที่อายุ 6–18 ปี และไม่มีประวัติดื้อยาในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการทำงานของเอนไซม์อินทีเกรส แพทย์จะให้รับประทานยา Dolutegravir ร่วมกับยาต้านเชื้อเอชไอวีชนิดอื่น โดยปริมาณยาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก ได้แก่ 

  • เด็กที่มีน้ำหนักตัว 15–20 กิโลกรัม ให้รับประทานยาปริมาณ 20 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
  • เด็กที่มีน้ำหนักตัว 20–30 กิโลกรัม ให้รับประทานยาปริมาณ 25 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
  • เด็กที่มีน้ำหนักตัว 30–40 กิโลกรัม ให้รับประทานยาปริมาณ 35 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง
  • เด็กที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 40 กิโลกรัมขึ้นไป ให้รับประทานยาปริมาณ 50 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง

การใช้ยา Dolutegravir

ผู้ที่ใช้ยา Dolutegravir ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรสลับหรือเปลี่ยนชนิด ปริมาณยาด้วยตัวเอง รวมถึงไม่ควรหยุดใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อนแม้อาการจะดีขึ้น 

การรับประทานยา Dolutegravir สามารถรับประทานได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร แต่ผู้ป่วยที่มีประวัติดื้อยาต้านเชื้อเอชไอวีชนิดอื่น แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาพร้อมอาหาร ทั้งนี้ ผู้ป่วยต้องกำหนดเวลารับประทานยาให้อยู่ในช่วงเวลาเดิมของทุกวัน เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันการลืมรับประทานยา

กรณีที่ลืมรับประทานยาในช่วงเวลาที่กำหนด ให้รีบรับประทานยาทันที แต่หากจะถึงเวลารับประทานยาในรอบถัดไปภายใน 4 ชั่วโมง ให้ข้ามไปรับประทานในรอบถัดไปโดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า และแจ้งให้แพทย์ทราบหากลืมรับประทานยาบ่อยครั้ง

หากต้องรับประทานยา Dolutegravir ร่วมกับยาลดกรด ยาระบาย ยารักษาแผลในกระเพาะอาหาร และยาที่มีส่วนผสมของแคลเซียมหรือธาตุเหล็ก ควรเว้นช่วงการรับประทานยาให้ห่างกัน โดยอาจเลือกรับประทานยา Dolutegravir ก่อน 2 ชั่วโมง หรือหลัง 6 ชั่วโมงจากการรับประทานยาในข้างต้น เพราะหากรับประทานพร้อมกัน อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยา Dolutegravir ลดลงได้

สำหรับผู้ปกครองที่บุตรหลานต้องรับประทานยา Dolutegravir ควรชั่งน้ำหนักเด็กเป็นระยะ และแจ้งให้แพทย์ทราบหากเด็กน้ำหนักตัวเปลี่ยนไป เนื่องจากแพทย์ต้องปรับปริมาณการรับประทานยาตามน้ำหนักตัวของเด็ก

ระหว่างที่ใช้ยา Dolutegravir แพทย์อาจนัดผู้ป่วยเป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามอาการและตรวจดูการตอบสนองต่อยา ซึ่งผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจที่แพทย์อาจใช้ เช่น การตรวจเลือด การตรวจการทำงานของตับ การตรวจระดับคอเลสเตอรอลในเลือด 

เชื้อเอชไอวีและการใช้ยา Dolutegravir อาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยอ่อนแอ และเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อต่าง ๆ ผู้ป่วยจึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก และอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่กำลังป่วยอยู่ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

การเก็บรักษายา Dolutegravir ควรเก็บยาให้พ้นมือเด็ก เก็บยาไว้ในบรรจุภัณฑ์เดิม เก็บยาไว้ในที่แห้ง หลีกเลี่ยงความร้อนและความชื้น และไม่ควรใช้ยาหากยาหมดอายุ

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Dolutegravir

การใช้ยา Dolutegravir อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย ซึมเศร้า รู้สึกเป็นกังวล ปวดท้อง ท้องอืด และคันผิวหนัง หากอาการในข้างต้นไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบ 

อย่างไรก็ตาม หากพบอาการผิดปกติบางอย่างที่มีความรุนแรง ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที เช่น

  • อาการแพ้ยา เช่น มีไข้ หายใจลำบาก อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อตามร่างกาย เกิดแผลพุพองหรือผิวหนังลอก เกิดแผลในปาก ดวงตาบวมแดง หรือเกิดอาการบวมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอ
  • สัญญาณของภาวะไทรอยด์เป็นพิษ (Overactive Thyroid) เช่น กระวนกระวาย รู้สึกเป็นกังวล หัวใจเต้นเร็วและแรง รู้สึกร้อนง่ายผิดปกติ ตาโปน หรือพบคอพอก
  • สัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับตับ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้องส่วนบน ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีดำเข้ม หรือผิวหนังและดวงตาเป็นสีเหลือง
  • สัญญาณผิดปกติเกี่ยวกับไต เช่น ปัสสาวะมากขึ้น หรือน้อยลง
  • ความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น ดวงตาเคลื่อนไหวผิดปกติ ทรงตัวลำบาก หรือพูด กลืน และเคี้ยวอาหารลำบาก
  • มีปัญหาด้านอารมณ์ เช่น ซึมเศร้าหรือมีความคิดฆ่าตัวตาย
  • อาการอื่น ๆ เช่น มีผื่นขึ้น เคลื่อนไหวร่างกายลำบาก ปวดหรือตึงข้อ มีไข้พร้อมกับปวดศีรษะ หรืออาการมือและเท้าอ่อนแรงที่เริ่มลามไปยังบริเวณลำตัว