อาการตาลาย สัญญาณสุขภาพเสี่ยงอุบัติเหตุ รู้จักสาเหตุและวิธีรับมือ

ตาลายเป็นปัญหาด้านการมองเห็นที่มักเกิดพร้อมกับอาการเวียนหัว ถึงแม้จะเรียกว่าอาการตาลาย แต่อาการนี้มักไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของดวงตาโดยตรง เพราะส่วนใหญ่อาการตาลายมักเป็นผลกระทบที่เกิดจากอวัยวะและระบบใกล้เคียงดวงตาเกิดความผิดปกติ และกระทบกระเทือนถึงการมองเห็น

บางคนอาจพบอาการตาลายร่วมกับอาการบ้านหมุน เสียการทรงตัว หน้ามืด และเป็นลมได้เช่นกัน โดยความผิดปกติด้านการรับรู้เหล่านี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งความดันเลือดต่ำ น้ำตาลในเลือดต่ำ หรือแม้แต่ความเครียดก็ส่งผลให้เกิดอาการได้ แม้ว่าอาการตาลายจะเป็นอาการทั่วไป แต่บางครั้งอาการดังกล่าวอาจนำไปสู่การบาดเจ็บและอุบัติเหตุได้

อาการตาลาย สัญญาณสุขภาพเสี่ยงอุบัติเหตุ รู้จักสาเหตุและวิธีรับมือ

อาการตาลายเกิดจากอะไร

ดวงตาและระบบการมองเห็นเชื่อมต่อและตั้งอยู่ใกล้กับอวัยวะและระบบอื่นมากมาย เช่น หู สมอง และระบบประสาท ด้วยเหตุนี้เมื่ออวัยวะและระบบใกล้เคียงผิดปกติก็อาจทำให้การมองเห็นเปลี่ยนไปและเกิดอาการตาลายได้ แม้ว่าจะไม่ได้เกิดความผิดปกติกับดวงตาโดยตรงก็ตาม

อาการตาลายในชีวิตประจำวันเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุและปัจจัยที่อาจทำให้เกิดอาการดังกล่าว เช่น

  • อาการปวดหัวไมเกรน
  • โรคเกี่ยวกับหู เช่น การติดเชื้อในหูชั้นใน โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน 
  • อาการเมารถ เมาเรือ หรือพาหนะชนิดอื่น
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ ยาต้านเศร้า และยากันชัก
  • ผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารที่ทำให้มึนเมา
  • ความดันเลือดต่ำลงแบบฉับพลัน มักเกิดได้บ่อยเมื่อลุกขึ้นยืนเร็ว ๆ หลังจากการนั่งหรือนอนนาน ๆ
  • ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) ที่อาจเกิดจากการกินอาหารไม่ตรงเวลา ไม่ได้กินอาหาร หรือเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคเบาหวาน
  • ภาวะทางอารมณ์ที่รุนแรง เช่น ความเครียดและความวิตกกังวล
  • การออกกำลังกายหนักหรือนานจนเกินไป ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่
  • ภาวะขาดน้ำที่อาจเกิดจากการดื่มน้ำน้อย อยู่ในที่ที่อากาศร้อน ท้องเสีย และอาเจียน

อาการตาลายเป็นอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย แต่อาการตาลายเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของโรคหรือปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องดูหลาย ๆ ปัจจัยประกอบ

บางครั้งอาการตาลายอาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวที่ไม่ร้ายแรง แต่บางกรณีอาการนี้ก็อาจสื่อถึงปัญหาสุขภาพที่เป็นอันตราย อย่างเนื้องอกในสมอง เนื้องอกในหู โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคอื่น ๆ

เมื่อตาลาย รับมืออย่างไรดี

อาการตาลาย เวียนหัว หน้ามืด และเป็นลมล้วนส่งผลต่อการทรงตัว ซึ่งหากเสียการทรงตัวก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้ เช่น การหกล้ม การตกบันได หรือรถชน

โดยอุบัติเหตุเหล่านี้อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บไม่มากก็น้อย แต่ในกรณีที่เกิดกับผู้สูงอายุอาจเป็นอันตรายและทำให้เสียชีวิตได้ อีกทั้งผู้สูงอายุเป็นช่วงวัยที่เสี่ยงต่ออาการตาลายและอาการในลักษณะเดียวกันมากกว่าคนวัยอื่นด้วย

เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ วิธีต่อไปนี้อาจช่วยได้

  • นั่งหรือนอนลงบนพื้น เก้าอี้ เตียงนอน โซฟา หรือพื้นที่อื่น ๆ ที่ปลอดภัยและมั่นคง เพื่อป้องกันการหกล้มหรือกระแทกกับส่งของต่าง ๆ หากไม่อยู่ในสถานการณ์หรือสถานที่ที่เอื้ออำนวย อย่างน้อยควรคว้าราวจับ อย่างราวบันไดเพื่อลดแรงกระแทกให้ได้มากที่สุด
  • เมื่อนั่งหรือนอนในที่ปลอดภัยแล้ว ไม่ควรพยายามลุกขึ้นหรือเคลื่อนไหวในทันที ควรรอให้อาการดีขึ้นก่อน แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ควรร้องหรือโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ
  • ไม่ควรลุกขึ้นยืนเร็วจนเกินไปเพื่อป้องกันความดันเลือดต่ำลงแบบฉับพลัน
  • กินอาหารให้ตรงเวลาและกินให้หลากหลาย ร่วมกับการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ และจิบน้ำระหว่างออกอยู่เสมอ
  • หลีกเลี่ยงความเครียดและอารมณ์ด้านลบ
  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง หากใช้ยาตามแพทย์สั่งแล้วยังพบอาการตาลายหรืออาการข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์ถึงวิธีแก้ไข
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงสารที่มีฤทธิ์มึนเมาประเภทอื่น ๆ

อย่างที่ได้บอกว่าอาการตาลายอาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วย ตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงไปจนถึงระดับที่เป็นอันตราย หากพบอาการตาลายที่รุนแรงขึ้น เป็นติดต่อกันนาน เกิดขึ้นบ่อย หรืออาการดังกล่าวเริ่มส่งผลต่อการใช้ชีวิต ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัด สำหรับคนที่ทราบถึงการเจ็บป่วยของตนเองและสงสัยว่าโรคของตนเองอาจเกี่ยวข้องกับอาการตาลาย ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้อง

หากพบอาการตาลาย เวียนหัว หน้ามืด ร่วมกับอาการแน่นหน้าอก ปวดหัวอย่างรุนแรง ได้รับการบาดเจ็บบริเวณหัวทั้งหลังและก่อนเกิดอาการตาลาย มีไข้สูง หัวใจเต้นผิดปกติ ชักเกร็ง กระตุก หายใจไม่อิ่ม ท้ายทอยแข็ง พูดไม่ชัด การมองเห็นและการได้ยินเปลี่ยนไป อาเจียน ปากเบี้ยว ยกแขน ขา หรือควบคุมอวัยวะไม่ได้ ควรไปพบแพทย์ทันที