โรคลมชัก กับการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น

การปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการชักแบบผิดวิธีอาจทำให้อาการต่าง ๆ แย่ลง หรือทำให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้น ควรศึกษาเรียนรู้การปฐมพยาบาลโรคลมชักในเบื้องต้นอย่างถูกต้อง เพราะแม้จะไม่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยหยุดชักได้ แต่ก็อาจช่วยให้ผู้ป่วยปลอดภัยจากอันตรายหรืออาการบาดเจ็บอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในขณะชักได้

1671 โรคลมชัก ปฐมพยาบาล resized

การปฐมพยาบาลโรคลมชัก

วิธีการปฐมพยาบาลผู้ป่วยโรคลมชักอาจแตกต่างกันไปตามอาการชักแต่ละประเภท ดังนี้

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับอาการชักทุกประเภท

อาการชักแต่ละประเภทอาจแตกต่างกันไปและเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่นาที ซึ่งการปฐมพยาบาลในเบื้องต้นที่เหมาะสมกับอาการชักทุกประเภททำได้โดยการอยู่เคียงข้างผู้ป่วยตั้งแต่เริ่มชักจนอาการสงบลงหรือผู้ป่วยฟื้นตัว หลังจากนั้นจึงพาผู้ป่วยไปอยู่ในบริเวณที่ปลอดภัย และหากผู้ป่วยเริ่มมีสติพอพูดคุยได้ ให้ค่อย ๆ อธิบายผู้ป่วยอย่างง่าย ๆ ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับคอยบอกให้ผู้ป่วยใจเย็น ๆ ทำใจให้สบาย และเมื่อผู้ป่วยดีขึ้นแล้วจึงค่อยโทรเรียกรถพยาบาลหรือญาติผู้ป่วยให้มารับตัวไปดูแลอย่างปลอดภัยต่อไป

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับอาการชักแบบชักกระตุกและเกร็ง (Tonic-Clonic Seizures)

โดยส่วนใหญ่ เมื่อพบผู้ป่วยที่มีอาการชัก หลายคนมักเข้าใจว่าเป็นอาการชักแบบชักกระตุกและเกร็ง ซึ่งวิธีเช็คว่าผู้ป่วยมีอาการอยู่ในประเภทชักกระตุกและเกร็งหรือไม่นั้น ทำได้โดยทดสอบการตอบสนองของผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยประเภทชักกระตุกและเกร็งจะไม่สามารถสนทนาโต้ตอบได้ ไม่ตอบสนองต่อการโบกมือในระดับสายตาหรือแม้แต่การเขย่าตัว หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่ระยะเกร็ง (Tonic Phase) ที่กล้ามเนื้อจะเริ่มเกร็งตัวจนทำให้ผู้ป่วยตัวแข็งคล้ายแผ่นกระดานนานประมาณ 30-60 วินาที แล้วจึงเริ่มเข้าสู่ระยะชักกระตุก (Clonic Phase) ที่อาจนานหลายวินาทีหรือหลายนาที

โดยวิธีปฐมพยาบาลผู้ป่วยโรคลมชักแบบชักกระตุกและเกร็ง มีดังนี้

  • พาผู้ป่วยไปอยู่ในบริเวณพื้นอาคารที่ค่อนข้างกว้าง และจัดการให้บริเวณนั้นปลอดของแข็งหรือของมีคมอย่างเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากแก้ว รวมถึงดูแลไม่ให้มีคนมามุงหรือมาล้อมรอบบริเวณดังกล่าว เพื่อป้องกันผู้ป่วยได้รับอันตรายหรือได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม
  • หากผู้ป่วยสวมใส่เน็กไท ให้คลายเน็กไทรอบคอออกให้หลวมอย่างระมัดระวัง
  • หากผู้ป่วยสวมแว่นตา ให้ค่อย ๆ ถอดแว่นตาออกอย่างระมัดระวัง
  • หาหมอนหรือวัตถุอื่น ๆ ที่นุ่มมาหนุนรองศีรษะให้ผู้ป่วย
  • พลิกตัวผู้ป่วยให้ตะแคงไปด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อให้ผู้ป่วยหายใจสะดวกขึ้นและป้องกันการสำลัก
  • โทรเรียกรถพยาบาลหากผู้ป่วยชักนานเกิน 5 นาที

ทั้งนี้ หากอาการต่าง ๆ เริ่มสงบลง ผู้ป่วยจะมึนงงและรู้สึกเซเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาพูดคุยได้เป็นปกติอีกครั้ง ซึ่งในบางกรณี ผู้ป่วยอาจจำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรไปหรือเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างในขณะชัก

ข้อควรระวังในการปฐมพยาบาลผู้ป่วยโรคลมชัก

หลายคนอาจมีความเชื่อความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลผู้ป่วยโรคลมชัก ซึ่งในความเป็นจริงการดูแลผู้ป่วยโรคลมชักในเบื้องต้นมีข้อห้ามต่าง ๆ ดังนี้

  • ห้ามนำสิ่งของใส่เข้าไปในช่องปากขณะผู้ป่วยเกิดอาการชัก เพราะผู้ป่วยอาจพลาดกัดมือ หรือวัตถุดังกล่าวอาจทำให้ฟันของผู้ป่วยเสียหายได้ และควรหันศรีษะของผู้ป่วยตะแคงไปข้างใดข้างหนึ่งเพื่อป้องกันการสำลัก
  • ห้ามปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่คนเดียว
  • ห้ามตรึงแขนขาของผู้ป่วยหรือพยายามหยุดอาการชัก
  • ห้ามทำซีพีอาร์ (CPR) เพราะผู้ป่วยจะเริ่มกลับมาหายใจได้เองหลังอาการชักสงบลง
  • ห้ามให้ผู้ป่วยดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารจนกว่าจะกลับมาเป็นปกติโดยสมบูรณ์

ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์หรือไม่หลังมีอาการชัก ?

เนื่องจากการชักแต่ละแบบก็แตกต่างกันออกไป บางประเภทอาจมีอาการดีขึ้นได้จากการปฐมพยาบาลในเบื้องต้นอย่างถูกวิธี แต่บางอาการก็อาจต้องรับการรักษาทางการแพทย์ในทันที ซึ่งผู้ป่วยโรคลมชักที่ต้องได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน มีลักษณะดังนี้

  • ชักนานเกิน 5 นาที
  • มีไข้
  • เป็นโรคเบาหวานร่วมด้วย
  • กำลังตั้งครรภ์
  • เป็นเด็กที่เพิ่งเคยแสดงอาการชักเป็นครั้งแรก
  • ได้รับบาดเจ็บระหว่างที่ชัก
  • ไม่ได้สติหลังจากอาการชักสงบลง
  • หยุดหายใจหลังจากอาการชักสงบลง