เลือดกำเกาไหลมา 2 วัน และมีก้อนเลือดออกมาจากปาก เกิดจากอะไร

สวัสดีค่ะ คุณ เพชร,

                  การมีเลือดกำเดาไหล เกิดจากเส้นเลือดฝอยหรือเส้นเลือดใหญ่ภายในจมูกแตก โดยส่นใหญ่ มักเกิดขึ้นนานครั้งๆ ซึ่งสาเหตุ เช่น การล้วงหรือแคะจมูกที่รุนแรง การจามบ่อย ๆ จามแรง สั่งน้ำมูกแรงเกินไป มีสิ่งแปลกปลอมติดค้างอยู่ภายในจมูก จมูกได้รับการกระแทกแรง สภาพอากาศที่หนาวและแห้ง หรือร้อนจัด การใช้ยาบางชนิดที่มีผลทำให้โพรงจมูกแห้ง เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้คัดจมูก เป็นต้น 

              เนื่องจากในช่วงนี้ เริ่มเข้าสู่หน้าหนาว และอากาศเริ่มแห้ง ดังนั้น หากเพิ่งเป็นมา 2 วัน ไม่ได้เป็นบ่อยๆ มานาน อากาศที่แห้งก็อาจเป็นสาเหตุได้ค่ะ 

               ส่วนการที่เลือดไหลออกจากปาก ก็เกิดจากการที่เลือดกำเดาไหลย้อนลงสู่คอและทำให้ออกมาทางปากได้ค่ะ 

              ในเบื้องต้น เมื่อเลือดกำเดายังคงไหล ให้นั่งนิ่ง ๆ เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบรูจมูก แล้วหายใจทางปากประมาณ 10 นาที หากผ่านไป 10 นาทีแล้วให้เลิกบีบจมูก หากเลือดกำเดายังไม่หยุดไหล ให้ทำตามขั้นตอนเดิมซ้ำอีกครั้ง ไม่เงยหน้าขึ้นในขณะที่เลือดกำเดาไหล เพราะอาจกลืนเลือดลงไปในกระเพาะแล้วทำให้เกิดการระคายเคืองและมีอาเจียนออกมาได้ อาจใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็งวางไว้บริเวณสันจมูก ก็จะช่วยให้เลือดหยุดไหลได้ นอกจากนี้ ก็ไม่ควรล้วงแคะจมูก ไม่สั่งน้ำมูกแรงๆ ค่ะ 

                หากยังคงมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ อีกเรื่อยๆ สาเหตุได้แก่ การมีเนื้องอกบางชนิดโพรงจมูก การทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เป็นโรคภูมิแพ้ ที่ทำให้มีน้ำมูกและอาการคัดจมูกบ่อยๆ หรือมีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น โรคฮีโมฟิเลีย หรือมีการแข็งตัวของเกร็ดเลือดผิดปกติ เช่น โรควอนวิลลิแบรนด์ (vWD) เป็นต้น ดังนั้น หากหลังจากนี้ ยังคงมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ อีก ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ