เมื่อลูกน้อยเลือดกำเดาไหลบ่อย ทำความเข้าใจสาเหตุและข้อควรปฏิบัติ

เชื่อว่าผู้ปกครองหลายคนอาจรู้สึกเป็นกังวลเมื่อพบว่าบุตรหลานเลือดกำเดาไหลบ่อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เลือดกำเดาไหลเป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในเด็กและส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตราย ยกเว้นบางกรณีที่เลือดกำเดาไหลอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติบางอย่างที่รุนแรง การเข้าใจถึงสาเหตุและการดูแลเบื้องต้นจะช่วยให้ผู้ปกครองหรือคนใกล้ชิดดูแลบุตรหลานที่เลือดกำเดาไหลบ่อยได้อย่างเหมาะสม

อาการเลือดกำเดาไหลแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทตามตำแหน่งที่มีเลือดออก ได้แก่ ตำแหน่งโพรงจมูกส่วนหน้า ซึ่งเป็นชนิดที่พบการเกิดเลือดออกได้บ่อย โดยเฉพาะในเด็ก เนื่องจากหลอดเลือดฝอยบริเวณนี้มักแตกได้ง่าย ส่วนอีกชนิดพบได้น้อยกว่าจะเกิดในตำแหน่งโพรงจมูกส่วนหลัง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับหลอดเลือดที่ใหญ่กว่าบริเวณด้านหลังโพรงจมูก 

นอกจากนี้ ปัจจัยบางอย่างอาจส่งผลให้เด็กเสี่ยงต่อการเกิดเลือดกำเดาไหลได้ง่ายขึ้น ในบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่ผู้ปกครองหรือคนใกล้ชิดควรรู้เกี่ยวกับเลือดกำเดาไหลบ่อยในเด็กมาให้ได้ศึกษากัน

เมื่อลูกน้อยเลือดกำเดาไหลบ่อย ทำความเข้าใจสาเหตุและข้อควรปฏิบัติ

สาเหตุของอาการเลือดกำเดาไหลบ่อยในเด็ก

เลือดกำเดาไหลบ่อยในเด็กเป็นอาการที่พบได้บ่อย ส่วนมากมักไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคหรือความผิดปกติรุนแรงใด ๆ ทางร่างกาย โดยสาเหตุที่มักเกี่ยวข้องกับเลือดกำเดาไหล เช่น

  • อากาศแห้ง สภาวะอากาศที่แห้งหรือร้อนเกินไปเป็นสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยของอาการเลือดกำเดาไหลบ่อย เนื่องจากสภาพอากาศดังกล่าวจะส่งผลให้เนื้อเยื่อภายในโพรงจมูกแห้งและคัน หากเด็กแคะ แกะ หรือเกาจมูกจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเลือดกำเดามากขึ้น
  • โรคเกี่ยวกับจมูกบางโรคอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการคัดจมูก เช่น ไข้หวัด ภูมิแพ้ หรือไซนัสอักเสบ ซึ่งเด็กอาจมีโอกาสเกิดเลือดกำเดาไหลได้ง่ายขึ้นหากสั่งน้ำมูกบ่อย ๆ หรือเป็นโรคภูมิแพ้จมูกด้วย
  • การใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิดที่ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้จมูก คันหรือคัดจมูก อาจส่งผลให้เนื้อเยื่อภายในโพรงจมูกแห้งและเสี่ยงต่อการเกิดอาการเลือดกำเดาไหลได้ง่ายขึ้น
  • การกิดอุบัติเหตุหรือถูกกระแทกบริเวณจมูกหรือใบหน้า แคะจมูก หรือในเด็กเล็กอาจใช้วัตถุแยงจมูก ส่งผลให้หลอดเลือดภายในจมูกเกิดความเสียหายและมีเลือดกำเดาไหลได้

นอกจากนี้ เลือดกำเดาไหลในเด็กยังอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นที่พบได้น้อย เช่น การสูดดมสารพิษ การติดเชื้อแบคทีเรีย ภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ มีโครงสร้างจมูกผิดปกติ หรือมีเนื้องอกภายในจมูก เป็นต้น

เมื่อเด็กเลือดกำเดาไหลบ่อยต้องทำอย่างไร

ตามปกติแล้ว อาการเลือดกำเดาไหลบ่อยมักไม่ส่งผลรุนแรงหรือเป็นอันตรายใด ๆ ต่อร่างกายของเด็ก แต่ผู้ปกครองหรือคนใกล้ชิดอาจช่วยบรรเทาอาการในเบื้องต้นด้วยวิธีต่อไปนี้

  • ให้เด็กนั่งตัวตรง ก้มหน้าเล็กน้อย หลีกเลี่ยงการเงยหน้าและเอนหลังขณะเลือดกำเดาไหลเพื่อป้องกันเลือดกำเดาไหลลงสู่ลำคอจนนำไปสู่อาการอื่น ๆ ตามมา อย่างอาการไอ หรือคลื่นไส้อาเจียน
  • ใช้กระดาษทิชชู่หรือผ้าสะอาดบีบบริเวณปีกจมูกทั้งสองข้างเบา ๆ ประมาณ 10 นาทีอย่างต่อเนื่อง โดยอาจใช้น้ำแข็งประคบบริเวณจมูกร่วมด้วย

หลังจากที่เลือดกำเดาหยุดไหล พยายามให้เด็กหลีกเลี่ยงการแคะจมูก การสั่งน้ำมูก และการทำกิจกรรมที่อาจเกิดแรงกระแทกเพื่อป้องกันการเกิดเลือดกำเดาไหลซ้ำ หากทำตามวิธีข้างต้นหรือบีบปีกจมูกเป็นเวลา 10 นาทีอย่างต่อเนื่อง 2 รอบแล้วอาการไม่ดีขึ้น ผู้ปกครองหรือคนใกล้ชิดควรพาเด็กไปพบแพทย์

การป้องกันเลือดกำเดาไหลบ่อยในเด็ก

เลือดกำเดาไหลบ่อยในเด็กอาจป้องกันหรือลดความเสี่ยงได้โดยตัดเล็บเด็กให้สั้นอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือเกิดบาดแผลในโพรงจมูกเมื่อเด็กแคะจมูก ใช้สเปรย์น้ำเกลือพ่นจมูกอย่างน้อยวันละ 2–3 ครั้งเพื่อเพิ่มความชื้นในโพรงจมูก หากพักอาศัยในสภาพแวดล้อมที่อากาศแห้งมากอาจใช้เครื่องทำความชื้นเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ รวมถึงหากเด็กทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่เสี่ยงต่อการถูกกระแทกควรให้เด็กสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตัวเองอย่างเหมาะสม

แม้อาการเลือดกำเดาไหลบ่อยในเด็กมักไม่ส่งผลให้เกิดอันตราย แต่ผู้ปกครองหรือคนใกล้ชิดควรพาบุตรหลานไปพบแพทย์หากพบว่าเด็กมีรอยช้ำง่าย เลือดกำเดาไหลและหยุดยาก หรือออกมากผิดปกติ มีอาการคัดจมูกเรื้อรัง มีเลือดไหลออกตามไรฟัน มีอาการเวียนศีรษะ ซีด และอ่อนเพลีย เลือดกำเดาไหลมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุรุนแรงหรือเกิดหลังจากการใช้ยาบางชนิดบ่อยครั้ง