ถามแพทย์

  • ตรวจอัลตร้าซาวด์ และหากสารบ่งชี้มะเร็ง ผลปกติดี แต่จุกบริเวณท้องซ้ายใต้ซี่โครง เป็นๆ หายๆ เกิดจากอะไร

  •  golfgolf
    สมาชิก
    ผมพึ่งไปตรวจสุขภาพมา ทั้งอัลตร้าซาว ทั้งตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งระบบทางเดินอาหาร, ตับอ่อน ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ถามหมอตอนนั้นเขาบอกว่าอาจจะเป็นที่กล้ามเนื้อ แต่มันจุกๆ เป็นๆ หายๆ บ่อยมากครับ

    สวัสดีค่ะ คุณ golfgolf,

                      อาการจุกบริเวณท้องข้างซ้ายใต้ซี่โครง อาจเกิดจาก

                      1.โรคกระเพาะอาหารอักเสบ  โดยจะมีอาการปวดบริเวณท้องส่วนบน อาจเป็นบริเวณลิ้นปี่ลงไปถึงเหนือสะดือหรือปวดค่อนไปทางด้านซ้าย อาจปวดแบบจุกแน่น หรือแสบร้อน และปวดร้าวทะลุไปหลังได้ นอกจากนี้อาจมีอาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย อิ่มเร็ว เรอบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น

                      2.โรคกรดไหลย้อน อาการจะคล้ายๆ กับกระเพาะอาหารอักเสบ แต่จะมีอาการแสบร้อนกลางอกหรือแน่นหน้าอกร่วมด้วย หรือมีน้ำรสเปรี้ยวหรือขมในคอ หรือเจ็บคอ ระคายเคืองคอ เป็นต้น 

                      3. นิ่วในถุงน้ำดี แต่อาการปวดจะอยู่บริเวณใต้ซี่โครงด้านขวา ซึ่งอาจมีจุกบริเวณลิ้นปี่ร่วม และมักมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย ท้องอืด 

                       ทั้งนี้ หากได้ทำอัลตราซาวด์ช่องท้องแล้ว พบว่าปกติดี ก็แสดงว่าไม่ได้มีนิ่วในถุงน้ำดี  ส่วนโรคกระเพาะอาหารอักเสบและกรดไหลย้อนนั้น การอัลตราซาวด์และการตรวจเลือด ย่อมไม่พบความผิดปกติอะไรค่ะ การจะวินิจฉัย จะอาศัยจากอาการเป็นหลัก หรือหากอาการเป็นมาก อาจต้องวินิจฉัยด้วยการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนค่ะ

                       ดังนั้น ในเบื้องต้น แนะนำให้ดูแลรักษาแบบโรคกระเพาะอาหารและกรดไหลย้อนไปก่อน เช่น การเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอดต่างๆ อาหารผัด ไม่ทานอาหารรสจัด ไม่ทานเผ็ด ควรเคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด ไม่ทานและกลืนเร็ว ไม่ทานอาหารครั้งละปริมาณมากเกินไป ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์ และไม่ควรทานอาหารแล้วนอนทันที ต้องเว้นระยะไปอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ห้ามทานยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs เช่น แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ เป็นต้น  

                       หากอาการยังไม่บรรเทา อาจทานยาลดกรด เช่น ยาธาตุน้ำขาว ยาที่ช่วยยับยั้งการหลั่งกรด เช่น แรนิทิดีน (ranitidine) ยาโอเมพราโซล (omeprazole) เป็นต้น แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น รุนแรงขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ