เฮนน่า และอันตรายจากรอยสักชั่วคราว

เฮนน่า เป็นการตกแต่งร่างกายแบบชั่วคราว โดยสร้างภาพลักษณ์คล้ายรอยสัก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะหลายคนเข้าใจว่าเฮนน่านั้นปลอดภัย เป็นเพียงการแต้มสีลงบนผิว และไม่ทำให้เป็นแผลหรือสร้างความเจ็บปวดเหมือนรอยสัก แต่ในความเป็นจริง สีที่ใช้ในเฮนน่าตามท้องตลาดปัจจุบันอาจผสมสารเคมีอันตรายที่ส่งผลให้ผิวหนังระคายเคือง ผิวลอก เกิดอาการแพ้ หรือแม้แต่สร้างรอยแผลเป็นได้ ผู้ที่ต้องการเพิ่มลวดลายเฮนน่าบนร่างกายจึงควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ

1585 เฮนน่า Resized

เฮนน่า คือ อะไร ?

เฮนน่า คือ การตกแต่งลวดลายบนร่างกายให้คล้ายกับการสัก แต่ต่างกันที่เฮนน่าเป็นเพียงการวาดหรือแต้มสีลงบนผิวหนัง ไม่ได้เป็นการใช้เข็มฝังสีลงใต้ชั้นผิวหนังเหมือนการสัก จึงทำให้ลวดลายจากเฮนน่าคงอยู่เพียงชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น

แต่เดิมการทำเฮนน่าเป็นศิลปะบนเรือนร่างชนิดหนึ่งของประเทศอินเดียที่เรียกว่า เมเฮนดี (Mehndi) ซึ่งเป็นการใช้สีน้ำตาลแกมแดงหรือสีส้มจากต้นเฮนน่า (Henna) มาทำเป็นวัตถุดิบในการตกแต่งร่างกาย แต่ในปัจจุบัน สีเฮนน่าตามท้องตลาดมักเป็นสีดำไม่เหมือนกับสีเฮนน่าธรรมชาติ เนื่องจากมีการผสมสารเคมีอื่น ๆ เพิ่มเข้าไปเพื่อทำให้สีมีความเข้ม ติดอยู่บนผิวหนังได้ และใกล้เคียงกับรอยสักของจริงมากขึ้น

อันตรายจากเฮนน่า

ในความเป็นจริง การใช้สีเฮนน่าธรรมชาติิอย่างสีน้ำตาลแดงหรือสีส้มเพื่อตกแต่งร่างกายเพียงชั่วคราวนั้นค่อนข้างปลอดภัย แต่ปัจจุบันมีการนำสารเคมีชนิดอื่นมาผสมกับสีเฮนน่าจนเป็นสีดำ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ลวดลายจากเฮนน่ามีความใกล้เคียงกับรอยสักจริงมากขึ้น ซึ่งสารเคมีบางชนิดก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังและร่างกายได้ เช่น สารพาราฟินิลลีนไดอะมีน (P-phenylenediamine) เป็นต้น ซึ่งเป็นสารเคมีที่ห้ามนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับผิวกายตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข

โดยอันตรายที่อาจเกิดจากเฮนน่า มีดังนี้

  • ผิวหนังอักเสบ
  • ผิวหนังบวม แดง ระคายเคือง หรือคัน
  • ผิวหนังลอกเป็นขุย
  • ผิวไวต่อแสง
  • เป็นแผลพุพอง และอาจมีอาการผิวหนังแดงด้วย
  • สีผิวเปลี่ยนแปลงไป
  • เกิดแผลเป็น

ดังนั้น หากตัดสินใจจะทำเฮนน่า ควรสอบถามทางร้านหรือช่างให้มั่นใจก่อนว่า สีเฮนน่าที่ใช้เป็นสีธรรมชาติ ไม่ใช่เฮนน่าสีดำที่ผสมสารเคมีอันตราย และหากมีอาการแพ้หลังจากทำเฮนน่าอย่างน้ำมูกไหล หายใจเป็นเสียงหวีด เป็นผื่น หรือเกิดอาการของโรคหืด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาด้วยการใช้ยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ หรือรับการรักษาอื่น ๆ ที่เหมาะสมต่อไป