สร้างสีสันให้ชีวิตเซ็กส์ด้วย BDSM

ในอดีต BDSM ถูกทำให้กลายเป็นเครื่องหมายของความผิดปกติทางจิตใจ แต่จริง ๆ แล้ว BDSM เป็นชื่อเรียกของรสนิยมและกิจกรรมทางเพศรูปแบบหนึ่ง โดยตัวย่อมีที่มาจากคำว่า Bondage (พันธนาการ) Discipline (การลงโทษ) Dominance (การควบคุม) Submission (การยอมจำนน) Sadism (ความสุขจากการสร้างความรุนแรง) Masochism (ความสุขจากการได้รับความรุนแรง) 

ปัจจุบันหลักฐานวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งพบว่า BDSM เป็นเพียงรสนิยมทางเพศแบบหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดปกติทางจิตจากเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตเสมอไป และมีคนอีกไม่น้อยที่มีรสนิยมทางเพศรูปแบบนี้ BDSM อาจส่งผลดีต่อสภาพจิตและความสัมพันธ์ด้วยซ้ำ หากทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจในความหมายที่แท้จริง โดยบทความนี้มีข้อมูลที่จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับ BDSM มากขึ้น

Set,Of,Erotic,Toys,For,Bdsm.,The,Game,Of,Sexual

ลักษณะและบทบาทของ BDSM

BDSM อาจฟังดูไม่คุ้นหูและแปลกใหม่สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ แต่ในต่างประเทศมีคนไม่น้อยที่ยอมรับและชื่นชอบที่จะมีเซ็กส์แบบ BDSM

BDSM คือการสวมบทบาทในระหว่างการทำกิจกรรมทางเพศอย่างหนึ่ง โดยการสวมบทบาทมักจะแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกจัดเป็นกลุ่มของผู้ควบคุมและซาดิสต์ (Sadist) หรือผู้ที่ชอบความรุนแรง ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเป็นฝ่ายที่ออกคำสั่ง ลงโทษ และพันธนาการอีกฝ่าย อีกฝ่ายเป็นผู้ที่ถูกควบคุมและผู้ที่ชอบถูกกระทำด้วยความรุนแรงหรือมาโซคิสต์ (Masochist)

ตัวอย่างของกิจกรรมแนว BDSM ที่หลายคนอาจเคยเห็นหรือเคยได้ยิน เช่น การมัดด้วยเชือก การสวมปลอกคอและกุญแจมือ การใช้แส้เพื่อลงโทษ การใช้เซ็กส์ทอย รวมไปถึงการสวมชุดตามบทบาทต่าง ๆ เช่น เจ้านายกับทาส ผู้ตำรวจกับผู้ร้าย คุณหมอกับคนไข้ และอีกมากมาย

ทั้งนี้ แม้ว่า BDSM จะมีการมัด การกักขัง และการใช้ความรุนแรง แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการสวมบทบาทที่เกิดจากความยินยอมและตั้งอยู่บนขอบเขตที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน และในบางครั้งหลังเสร็จกิจกรรมอาจมีการพูดคุยระหว่างสองฝ่ายถึงความพึงพอใจเพื่อป้องกันปัญหาด้านความสัมพันธ์ ร่างกาย หรือความรู้สึก

ข้อมูลจากการสำรวจสัดส่วนและบทบาทของชาว BDSM กลุ่มหนึ่ง โดยแบ่งตามเพศพบว่า

  • ฝ่ายควบคุม - Dominance หรือ Dom เป็นผู้ชายกว่า 48 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 8 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิง
  • ฝ่ายถูกควบคุม - Submissive หรือ Sub เป็นผู้หญิงกว่า 76 เปอร์เซ็นต์ และ 34 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชาย
  • เป็นได้ทั้ง 2 บทบาท - Switch เป็นผู้หญิง 16 เปอร์เซ็นต์ และผู้ชาย 18 เปอร์เซ็นต์

ข้อมูลจากการสำรวจนี้อาจบ่งบอกได้ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศอะไร คุณสามารถสวมบทบาทเป็นผู้ควบคุมหรือถูกควบคุมก็ได้

BDSM กับสุขภาพจิต

จากมุมมองของคนที่ไม่คุ้นเคยกับกิจกรรมบนเตียงที่มีการสวมบทบาทหรือความรุนแรงเหล่านี้อาจมองว่า BDSM เป็นสัญญาณของความผิดปกติทางศีลธรรม ความรุนแรง รวมไปถึงความผิดปกติทางจิตที่มาจากเหตุการณ์เลวร้ายในอดีต แต่หากมองจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์บางชิ้นและข้อเท็จจริงจะพบได้ว่า BDSM อยู่บนพื้นฐานของความยินยอมระหว่างบุคคลสองฝ่ายที่มีรสนิยมเดียวกันเท่านั้น ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรง ข่มขู่ หรือบีบบังคับเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าร่วมกิจกรรม

การสำรวจชิ้นหนึ่งได้เก็บข้อมูลของชาว BDSM เกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงในอดีตที่อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจในเวลาต่อมา อย่างการถูกทำร้ายร่างกายหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งผลสำรวจก็ชี้ว่า ผู้ที่มีรสนิยมแบบ BDSM ไม่จำเป็นต้องเคยผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงในอดีต แต่ชาว BDSM บางส่วนก็เคยผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าว จึงอาจจำเป็นต้องมีการศึกษาในอนาคตเพื่อยืนยันถึงข้อขัดแย้งนี้

ในอีกด้านหนึ่ง BDSM อาจส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของคนบางกลุ่มได้ ผลจากการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า คนที่มีรสนิยมทางเพศแบบ BDSM อาจรับมือต่อสิ่งเร้าที่ทำให้เกิดอารมณ์ด้านลบได้ดี คนกลุ่มนี้จึงเกิดภาวะอารมณ์อ่อนไหว วิตกกังวล ตื่นตระหนก หรือหงุดหงิดได้น้อยกว่าคนทั่วไป เข้ากับคนอื่นได้ดี เป็นคนคิดบวก รับมือกับการถูกปฏิเสธหรือความผิดหวังได้ดี กล้าที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ใช้ชีวิตได้อย่างมีสติ และมีแนวโน้มที่จะเป็นคนสุขภาพดี อีกทั้งการศึกษาในคู่รักที่เป็นกลุ่มซาโดมาโซคิสต์ (Sadomasochist) หรือกลุ่มสามารถเป็นได้ทั้งซาดิสต์และมาโซคิสต์พบว่า คู่รักในกลุ่มนี้อาจมีความสัมพันธ์ที่ดีผ่านการทำกิจกรรมแนว BDSM

แต่การศึกษาก็ชี้ด้วยว่า บางครั้งชาว BDSM ที่เปิดเผยเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของตนอาจไม่ได้รับการยอมรับเท่ากับคนไม่เปิดเผยหรือไม่ได้มีรสนิยมดังกล่าว จึงอาจส่งผลให้เข้ากับคนใกล้ตัว อย่างครอบครัว เพื่อน และเพื่อนร่วมงานได้น้อย

หลักการมีเซ็กส์แบบ BDSM

ประสบการณ์ทางเพศแบบ BDSM อาจเพิ่มความเร้าใจและความสนุกให้กับชีวิตเซ็กส์ได้ไม่น้อย แต่เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจควรยึดหลักต่อไปนี้

  • ความปลอดภัย (Safe) เพราะ BDSM มักมีกิจกรรมที่มีความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การลงโทษ การมัดร่างกาย รวมถึงกิจกรรมโลดโผนในรูปแบบที่รุนแรงกว่าที่หลายคนจินตนาการ อย่างการจำกัดการหายใจ (Breath Control) ดังนั้นการคำนึงถึงความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
  • สติ (Sane) เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้กิจกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่นตามขอบเขตและข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย เพราะแม้ว่าเซ็กส์จะเป็นเรื่องของความต้องการทางอารมณ์ แต่ถ้าหากไม่มีสติคอยกำกับก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของอุบัติเหตุและโรคติดต่อได้
  • ความยินยอม (Consensual) จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับกิจกรรมแบบ BDSM เพราะหากไม่ได้รับการยินยอมจากอีกฝ่าย กิจกรรมเหล่านั้นก็ไม่ต่างจากการคุกคามทางเพศและอาชญากรรม ซึ่งอาจหมายถึงการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและความผิดปกติทางเพศด้วย

เมื่อกิจกรรมดังกล่าวขาดข้อใดข้อหนึ่งใน 3 หลักการอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ เพราะเดิมทีกิจกรรมแบบ BDSM มักมีความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่มากกว่าการมีเซ็กส์แบบทั่วไปอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขอบเขตของทั้งสองฝ่ายตกลงกันด้วย

หากระหว่างทำกิจกรรมแล้วรู้สึกไม่มีสติ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ รู้สึกหมกมุ่นกับความรุนแรงหรือพฤติกรรมดังกล่าวติดต่อกันเป็นเวลานาน นั่นอาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติเกี่ยวกับอารมณ์และจิตใจ ดังนั้นควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างเหมาะสม

BDSM อย่างไรให้ปลอดภัย?

นอกจากหลักการเกี่ยวกับ BDSM ในข้างต้นแล้ว การเลือกคู่หูหรือพาร์ทเนอร์สำหรับเซ็กส์แบบ BDSM ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน เพราะแม้ว่า BDSM อาจช่วยเพิ่มสีสันและความตื่นเต้นให้กับกิจกรรมบนเตียงได้ แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและขอบเขตของกิจกรรมได้เช่นกัน โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเคยมีประสบการณ์แบบ BDSM

ในการเลือกพาร์ทเนอร์ คุณควรเลือกคนที่สามารถไว้ใจได้ โดยอาจเริ่มต้นจากแฟนหรือคนรักเพื่อตกลงและถามความยินยอมเกี่ยวกับการมีเซ็กส์ในรูปแบบดังกล่าว สำหรับใครที่กำลังมองหาพาร์ทเนอร์ ซึ่งอาจเป็นคนที่ไม่สนิทหรือเป็นคนที่เพิ่งรู้จัก องค์กรผู้สนับสนุนเสรีภาพในการมีเซ็กส์แนะนำว่าควรใช้ข้อมูลหรือคำถามต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจ

  1. ใครบ้างที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมนี้
  2. ความต้องการและบทบาทของอีกฝ่าย
  3. Safe Word หรือคำที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันเพื่อแสดงความต้องการที่จะหยุดหรือทำกิจกรรมต่อ ในต่างประเทศมักใช้คำง่าย ๆ เช่น ไฟแดงเมื่อต้องการหยุดกิจกรรมชั่วคราว และไฟเขียวเพื่อทำกิจกรรมต่อ เป็นต้น
  4. ระยะเวลาและสถานที่ในการทำกิจกรรม
  5. ขอบเขตของการกระทำ อะไรที่ทำได้และทำไม่ได้
  6. วิธีเตรียมตัวเพื่อความปลอดภัย อย่างวิธีป้องกันโรคติดต่อและการรับมือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  7. ผลการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคติดต่ออื่น ๆ

แม้ว่าในประเทศไทย BDSM ยังไม่เป็นที่พูดถึงหรือได้รับการยอมรับในวงกว้าง และมีรูปแบบกิจกรรมที่แปลกใหม่กว่าที่รู้จัก แต่กิจกรรมนี้อาจช่วยปลดปล่อยความเครียดและอารมณ์ความรู้สึกซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพจิต รวมถึงสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ หากอยู่ในขอบเขตที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน

ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวควรตั้งอยู่บนหลักการที่สำคัญ 3 ข้อของ BDSM ได้แก่ ความปลอดภัย สติ และการยินยอม และควรมั่นใจและแน่ใจว่าความเจ็บปวดและรูปแบบของกิจกรรมดังกล่าวนั้นทำให้คุณเกิดความสุขและพึงพอใจจริง ๆ โดยไม่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพ