การตั้งครรภ์แฝด ภาวะแทรกซ้อนและการป้องกันที่คุณแม่ควรรู้

การตั้งครรภ์แฝดถือเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่จำเป็นต้องเตรียมตัวและดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ เนื่องจากการตั้งครรภ์ลูกแฝดหมายความว่าคุณแม่กำลังจะมีลูกน้อยที่ต้องดูแลพร้อมกันถึง 2 คน หรืออาจมากกว่านั้นในบางคน อีกทั้งการตั้งครรภ์แฝดยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้นอีกด้วย การเรียนรู้แนวทางในการดูแลครรภ์แฝดให้ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ลูกแฝด คือการตั้งครรภ์ที่มีทารกในมดลูกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยปกติแล้วการตั้งครรภ์ในลักษณะนี้ถือเป็นการตั้งครรภ์ที่พบได้น้อยเมื่อเทียบกับการตั้งครรภ์ที่มีลูกเพียง 1 คน แต่อาจจะพบได้มากขึ้นในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะคุณแม่ที่เข้ารับกระบวนการรักษาภาวะมีบุตรยาก เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF)

การตั้งครรภ์แฝด

การตั้งครรภ์แฝดเกิดจากอะไร

การตั้งครรภ์ลูกแฝดสามารถเกิดขึ้นได้ใน 2 ลักษณะ ซึ่งแต่ละลักษณะก็จะแตกต่างกันไป ได้แก่

แฝดแท้ (Identical Multiples)

แฝดแท้คือแฝดที่เกิดขึ้นจากการผสมกันของไข่ 1 ใบกับอสุจิ 1 ตัว แต่ไข่ที่ถูกผสมมีการแบ่งเป็นตัวอ่อน 2 ตัวหรือมากกว่านั้น โดยฝาแฝดแท้จะมีเพศเดียวกัน หมู่เลือดเดียวกัน และมักจะมีลักษณะหน้าตาคล้ายคลึงกัน

การตั้งครรภ์แฝดแท้นั้นเชื่อว่าเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านอายุ เชื้อชาติ หรือพันธุกรรมแต่อย่างใด และพบว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ในอัตรา 3–4 ครั้งต่อการคลอดบุตร 1,000 ครั้ง

แฝดเทียม (Fraternal Multiples)

แฝดเทียมเกิดจากไข่มากกว่า 1 ใบที่ผสมกับอสุจิคนละตัว ส่งผลให้แฝดเป็นเพศเดียวกันหรือคนละเพศก็ได้ โดยเด็ก ๆ อาจมีหมู่เลือดต่างกัน และมีความเป็นไปได้ว่าลักษณะหน้าตาอาจไม่เหมือนฝาแฝด แต่ดูคล้ายคลึงกันอย่างพี่น้องธรรมดาทั่วไป

ฝาแฝดลักษณะนี้จะพบได้บ่อยในคู่ที่มีบุตรจากกระบวนการรักษาภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากการใช้ยาช่วยให้ร่างกายผลิตไข่ออกมาได้หลายใบในช่วงเวลานั้น ๆ หรือแม้แต่จากกระบวนการที่แพทย์ใส่ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วลงในมดลูกหลาย ๆ ใบเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ ซึ่งล้วนแต่เพิ่มโอกาสการเกิดครรภ์แฝดไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญด้านอื่น ๆ เช่น การตั้งครรภ์เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป การตั้งครรภ์จากการหยุดรับประทานยาคุมกำเนิด การเคยตั้งครรภ์ลูกแฝดเทียมมาก่อน หรือการมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งครรภ์แฝด

โดยปกติแล้วในช่วงที่ตั้งครรภ์นั้นทั้งคุณแม่และเด็กก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนประมาณหนึ่งอยู่แล้ว การตั้งครรภ์ลูกแฝดจึงอาจส่งผลให้คุณแม่และเด็กยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยภาวะแทรกซ้อนที่คุณแม่ลูกแฝดควรระวังมีดังนี้

ภาวะแทรกซ้อนต่อคุณแม่

สำหรับคุณแม่ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นก็เช่น

  • ภาวะความดันโลหิตสูง ครรภ์แฝดสามารถส่งผลให้มีความดันโลหิตสูงขึ้นได้ง่าย และหากภาวะนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการมีโปรตีนในปัสสาวะก็จะยิ่งเสี่ยงต่อภาวะครรภ์เป็นพิษ จนนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอื่น ๆ ตามมา ในการฝากครรภ์ สูติแพทย์จึงต้องตรวจสอบโปรตีนในปัสสาวะและระดับความดันโลหิตให้อย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษ
  • เสี่ยงต่อการแท้งบุตรและเสียลูกในครรภ์ไปมากกว่าการตั้งครรภ์ปกติ
  • การผ่าคลอด ครรภ์แฝดไม่จำเป็นต้องใช้การผ่าคลอดเสมอไป แม่ที่ตั้งครรภ์สามารถคลอดธรรมชาติได้หากทารกคนแรกที่จะออกมาอยู่ในท่าเอาหัวลง แต่ในกรณีอื่น ๆ หรือกรณีเป็นครรภ์แฝด 3 คนขึ้นไป แพทย์มักแนะนำให้ผ่าคลอด หรือบางครั้งการคลอดแฝดคนแรกแบบธรรมชาติอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น ทำให้ต้องใช้การผ่าคลอดกับแฝดคนที่เหลือก็ได้
  • ภาวะลหิตจาง ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียและอ่อนแรงลง คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะนี้ควรรับประทานธาตุเหล็กเสริม
  • โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หญิงตั้งครรภ์ปกติมีโอกาสเสี่ยงอยู่แล้ว แต่จะยิ่งเสี่ยงยิ่งขึ้นหากเป็นครรภ์แฝด
  • ภาวะตกเลือด สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งระยะก่อนคลอดและหลังคลอด
  • จำเป็นต้องคลอดโดยใช้เครื่องมือช่วยคลอด
  • แม่ที่ตั้งครรภ์แฝดมีโอกาสเสี่ยงเสียชีวิตได้มากกว่าการตั้งครรภ์ปกติถึง 2.5 เท่า
  • อาการแพ้ท้องรุนแรงกว่าปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก แสบร้อนกลางอก และครรภ์แฝดน้ำ
  • ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

ภาวะแทรกซ้อนต่อทารกแฝด

นอกจากคุณแม่แล้ว ทารกแฝดในครรภ์ก็อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกัน โดยมีตัวอย่างดังต่อไปนี้

  • คลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ลูกแฝดหลายคน โดยเด็กที่คลอดก่อนกำหนดมักมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติและอาจมีอวัยวะที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ จนอาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติร้ายแรงเกี่ยวกับปอด สมอง หัวใจ การมองเห็น รวมถึงยังอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารและติดเชื้อได้ง่าย
  • ทารกแฝดอาจมีความเสี่ยงที่โครงสร้างทางพันธุกรรมหรือโครโมโซมพัฒนาไปอย่างไม่ปกติ จนส่งผลให้เกิดโรคพิการแต่กำเนิด เช่น โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แพทย์จึงแนะนำให้หญิงที่ตั้งครรภ์รับประทานกรดโฟลิกวันละ 400 ไมโครกรัม ในช่วงการตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก เพื่อช่วยป้องกันภาวะความผิดปกติที่จะกระทบต่อสมอง กระดูกสันหลัง และไขสันหลังของทารก
  • ภาวะทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า (IUGR) ฝาแฝดหลาย ๆ คู่ในภาวะนี้เกิดมาตัวเล็กแต่แข็งแรงได้ ทั้งนี้ แพทย์ก็ต้องเฝ้าติดตามน้ำหนักของทารกด้วยการอัลตราซาวด์ และวัดขนาดท้องอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีความเป็นไปได้ที่ทารกจะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพตามมาและอาจต้องผ่าคลอดก่อนกำหนด
  • ทารกมีการถ่ายเทเลือดให้กัน ในครรภ์แฝดแท้นั้นมีความเป็นไปได้ที่หลอดเลือดในรกจะเชื่อมระบบไหลเวียนโลหิตของทารกเข้าด้วยกัน ทำให้ทารกคนหนึ่งเสียเลือดจนตัวเล็กลงและเกิดภาวะโลหิตจาง ในขณะที่อีกคนที่ได้รับเลือดมากเกินอาจเกิดหัวใจวายได้
  • ทารกเสียชีวิตในครรภ์ โดยเฉพาะในกรณีที่ตั้งลูกแฝดหลายคน
  • ทารกที่คลอดก่อนกำหนดอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหลังจากคลอดหรือเกิดโรคระยะยาว เช่น โรคปอดเรื้อรัง
  • สายสะดือรกพันกัน พบได้ไม่บ่อยและส่วนใหญ่จะเกิดกับทารกแฝดที่อยู่ในถุงตั้งครรภ์เดียวกัน
  • ภาวะแทรกซ้อนบางอย่างอาจไม่ได้เกิดขึ้นขณะอยู่ในครรภ์หรือเห็นได้ทันทีเมื่อหลังคลอด แต่ไปปรากฏในภายหลัง เช่น ปัญหาด้านการพูดและสื่อสาร การพัฒนาทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก รวมถึงปัญหาด้านพฤติกรรมและการโต้ตอบกับพ่อแม่ที่พบได้ในเด็กแฝดมากกว่า
  • ทารกแฝดมีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาการให้นมมากกว่าทารกคนเดียว เมื่อคุณแม่เด็กต้องพยายามให้นมแก่ลูกทั้งสองคน

การป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดจากการตั้งครรภ์แฝด

สุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่จะช่วยให้การรับมือกับครรภ์แฝดและภาวะแทรกซ้อนที่อาจต้องเผชิญเป็นไปได้ดีขึ้น โดยข้อแนะนำสำหรับคุณแม่ในการดูแลครรภ์ให้แข็งแรงและสมบูรณ์ มีดังนี้

  • ไปพบแพทย์ตามนัดหมายการฝากครรภ์ทุกครั้ง
  • ศึกษาและคอยสังเกตอาการบ่งบอกภาวะครรภ์เป็นพิษ เช่น ใบหน้า มือ และเท้าบวมเฉียบพลัน ปวดใต้ซี่โครงอย่างรุนแรง ปวดศีรษะรุนแรง ตาพร่าหรือเห็นแสงวาบ รู้สึกไม่ค่อยสบาย และอาเจียน
  • ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนการใช้ยา วิตามิน อาหารเสริม หรือสมุนไพรใด ๆ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเน้นอาหารที่อุดมด้วยกรดโฟลิก ธาตุเหล็ก และแคลเซียม ซึ่งเป็นสารอาหารที่จะช่วยให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง พบได้ในข้าว แป้ง ขนมปัง เนื้อสัตว์ นม ชีส ผักผลไม้ทั้งหลาย 
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากเกิดอาการแพ้ท้องจนทำให้รับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอ
  • ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น ว่ายน้ำ โยคะ รวมทั้งการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่สูติแพทย์แนะนำหรืออนุญาตให้ทำได้อย่างปลอดภัย
  • เลิกสูบบุหรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าทารกแฝดใช้รกร่วมกัน เพราะจะส่งผลให้รกที่ต้องทำงานหนักเพื่อที่จะส่งออกซิเจนไปเลี้ยงทารกแฝดอย่างเพียงพอต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้น
  • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน และหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดทุกชนิด
  • พักผ่อนให้มาก
  • ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ

ทั้งนี้ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ลูกแฝดไม่ควรวิตกกังวลมากจนเกินไป เนื่องจากการตั้งครรภ์ลูกแฝดไม่ได้หมายความว่าคุณแม่และเด็กจะเกิดภาวะแทรกซ้อนเสมอไป เพียงแต่คุณแม่ต้องระมัดระวังและดูแลครรภ์มากขึ้นเป็นพิเศษ และควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด