รู้จักวิธีเลือกซื้อยาสีฟันสมุนไพร เพื่อการปกป้องช่องปากอย่างถูกต้อง

ยาสีฟันสมุนไพรได้รับความนิยมในท้องตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากสมุนไพรธรรมชาติมีสรรพคุณที่ดีต่อช่องปากและฟัน อย่างขจัดกลิ่นปากหรือลดอาการเหงือกอักเสบ ทำให้ยาสีฟันสมุนไพรครองใจผู้ใช้ได้ไม่ยาก ในปัจจุบันจึงเห็นยาสีฟันสมุนไพรมีอยู่หลายสูตรและมีจุดเด่นที่ต่างกันไป

แม้ยาสีฟันสมุนไพรจะเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพ แต่ยาสีฟันสมุนไพรที่วางจำหน่ายส่วนใหญ่กลับไม่มีส่วนผสมที่จำเป็นอย่างฟลูออไรด์ (Fluoride) ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันผุอันเป็นปัญหาสุขภาพฟันที่พบได้ในทุกช่วงวัย ผู้ใช้หลายคนจึงไม่เห็นถึงความสำคัญของฟลูออไรด์และอาจเข้าใจผิดว่า การใช้ยาสีฟันสมุนไพรที่ไม่มีฟลูออไรด์ก็ได้ประโยชน์เพียงพออยู่แล้วและไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะเห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ แต่นี่อาจเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนัก บทความนี้จะชวนคุณเปลี่ยนความคิดในเรื่องนี้กัน

ยาสีฟันสมุนไพร

ทำไมยาสีฟันสมุนไพรควรมีฟลูออไรด์ ?

อย่างที่ทราบกันดี ยาสีฟันสมุนไพรส่วนมากมักช่วยในการดูแลรักษาช่องปาก ฟัน และเหงือกให้มีสุขภาพดี  ไม่ว่าจะเป็น ลดการอักเสบของเหงือก ลดกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ และช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่น แต่จริง ๆ แล้ว ยาสีฟันสมุนไพรเหล่านี้อาจไม่ช่วยรักษาหรือป้องกันฟันผุได้ในระยะยาว เพราะปราศจากส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่มีส่วนช่วยจัดการปัญหาฟันผุ โดยมีเพียงสรรพคุณหรือฤทธิ์จากสมุนไพรธรรมชาติเท่านั้น 

แล้วฟลูออไรด์คืออะไร? ฟลูออไรด์เป็นแร่ธาตุองค์ประกอบหนึ่งของกระดูกและฟันที่พบได้ตามธรรมชาติและในผลิตภัณฑ์ดูแลและทำความสะอาดช่องปากต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยเคลือบผิวฟันให้แข็งแรงและลดการสูญเสียแร่ธาตุในผิวฟัน ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดไม่ดีในช่องปาก และช่วยให้ฟันทนต่อกรดมากขึ้น ทำให้ปัญหาฟันผุในระยะเริ่มต้นลดน้อยลง 

โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งยืนยันว่า ฟันผุเป็นปัญหาสุขภาพฟันที่ป้องกันได้ด้วยการใช้ฟลูออไรด์ บวกกับการศึกษาหลาย ๆ ชิ้นที่ชี้ให้เห็นอีกว่า ยาสีฟันที่ผสมของฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุได้ดีกว่ายาสีฟันที่ไม่ผสมฟลูออไรด์เลย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ใช้และผู้ที่มีปัญหาสุขฟันควรเลือกใช้ยาสีฟันสมุนไพรที่ผสมฟลูออไรด์นั่นเอง 

เคล็ดลับในการเลือกซื้อยาสีฟันสมุนไพรที่ดี

เนื่องจากคนเราต้องแปรงฟันและใช้ยาสีฟันเป็นประจำทุกวัน ผู้ใช้ควรเลือกซื้อยาสีสมุนไพรที่ดีและปลอดภัย เพื่อเสริมสร้างสุขภาพช่องปากให้แข็งแรง โดยควรอ่านฉลากบนกล่องบรรจุภัณฑ์ก่อนทุกครั้ง ตรวจดูปริมาณฟลูออไรด์ และมองหาสัญลักษณ์อย. ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงถึงคุณภาพและความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน และพิจารณาตามคำแนะนำต่อไปนี้ร่วมด้วย

1. ผสมฟลูออไรด์ ป้องกันฟันผุ

โดยทั่วไป ยาสีฟันที่มีสัดส่วนฟลูออไรด์อยู่ที่ 1,350–1,500 ส่วนในล้านส่วน (ppm) จะให้ผลลัพธ์ในการป้องกันฟันผุได้ดีที่สุด แต่เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย ควรเลือกใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะกับช่วงอายุของผู้ใช้ เช่น

  • ผู้ใหญ่ควรใช้ยาสีฟันที่มีสัดส่วนของฟลูออไรด์ที่ 1,350–1,500 ppm ในปริมาณตามที่แนะนำบนฉลาก
  • เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี ควรใช้ยาสีฟันที่มีสัดส่วนของฟลูออไรด์ไม่น้อยกว่า 1,000 ppm ในปริมาณเท่าเมล็ดข้าวสารหรือแค่แตะ ๆ ขนแปรงเท่านั้น 
  • เด็กที่มีอายุระหว่าง 3–6 ปี ควรใช้ยาสีฟันที่มีสัดส่วนของฟลูออไรด์ไม่น้อยกว่า 1,000 ppm ในปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว 
  • เด็กที่มีความเสี่ยงต่อการฟันผุ ควรใช้ยาสีฟันที่มีสัดส่วนของฟลูออไรด์มากกว่า 1,000 ppm แต่ไม่เกิน 1,500 ppm 

ทั้งนี้ แม้ฟลูออไรด์จะปลอดภัยต่อร่างกาย แต่หากได้รับฟลูออไรด์ในปริมาณมากเกินไปอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง อย่างฟันตกกระหรือภาวะเป็นพิษต่อกระดูก ผู้ใช้จึงควรระมัดระวังในการแปรงฟัน ไม่กลืนหรือกินยาสีฟัน โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปีที่ผู้ปกครองควรดูแลขณะแปรงฟันเสมอ 

2. เลือกส่วนผสมสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพช่องปาก

ในท้องตลาดมีการนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณด้านช่องปากและฟันมาพัฒนาในรูปของยาสีฟันสมุนไพรมากยิ่งขึ้น โดยปรับรูปลักษณ์ให้ทันสมัย ง่ายต่อการแปรงฟัน และคงคุณประโยชน์ดี ๆ จากสมุนไพรหลากชนิดไว้ด้วยกัน ทำให้รู้สึกได้ถึงความสะอาดภายในปากหลังใช้ โดยตัวอย่างสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อช่องปาก อาทิ 

  • กานพลู มีสรรพคุณในการเสริมสร้างสุขภาพเหงือกและฟันที่ดี โดยอาจช่วยลดการสะสมของคราบพลัคหรือจุลินทรีย์บนฟันและแบคทีเรียอันเป็นต้นตอของปัญหาสุขภาพช่องปาก ระงับกลิ่นปาก บรรเทาอาการปวดฟัน รวมถึงอาการอักเสบและแผลในปากด้วย
  • มะขามป้อม เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยลดการเลือดออกตามไรฟัน และอาจช่วยป้องกันปัญหาช่องปาก อย่างโรคปริทันต์อักเสบและโรคเหงือกอักเสบ 
  • สะเดา ถือเป็นสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดที่ช่วยดูแลสุขภาพช่องปาก โดยอาจช่วยดับกลิ่นปาก เลือดออกตามไรฟัน โรคปริทันต์อักเสบ โรคเหงือก และลดการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก
  • ขิง มักนิยมนำไปประกอบอาหารอย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม แต่หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า ขิงก็มีประโยชน์ต่อช่องปากเช่นกัน โดยช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากและลดอาการปวดฟัน
  • ใบมะกอกหรือสารสกัดจากใบมะกอก มีคุณสมบัติต้านอาการอักเสบและเป็นสารอนุมูลอิสระ จึงอาจช่วยจัดการกับภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบได้  

ผู้ใช้บางรายอาจมีอาการแพ้สมุนไพรหรือส่วนผสมบางชนิดที่อยู่ในยาสีฟันสมุนไพร จึงควรอ่านฉลากแสดงส่วนผสมและเลือกยาสีฟันสมุนไพรจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานก่อนเสมอ หากพบสัญญาณของการแพ้ยาสีฟันสมุนไพร เช่น ริมฝีปากอักเสบ แห้งแตก ระคายเคือง บวมแดง หรือเยื่อบุในช่องปากอักเสบ ควรหยุดใช้ยาสีฟันดังกล่าวทันทีแล้วไปพบทันตแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม การใช้ยาสีฟันสมุนไพรที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ให้เกิดประสิทธิภาพต่อช่องปาก ฟัน และเหงือกที่สุดนั้นขึ้นอยู่กับความถี่และระยะเวลาที่เหมาะสมในการแปรงฟัน โดยทั่วไป เราควรแปรงฟันอย่างถูกวิธีวันละ 1–2 ครั้ง ในเวลาก่อนนอนและหลังอาหารเช้า ครั้งละประมาณ 2–3 นาที ในกรณีที่ยาสีฟันสมุนไพรก่อให้เกิดความผิดปกติขึ้นกับฟันหรือเหงือกควรไปพบทันตแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ