ประโยชน์ของการบูร ตัวยาคู่บ้านกับวิธีใช้ให้ปลอดภัย

การบูร (Camphor) นิยมใช้เป็นส่วนประกอบในยาดมเพื่อบรรเทาอาการคัดจมูกและช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น หรือผสมในครีมทาผิวเพื่อช่วยแก้ปวดและบรรเทาอาการคันตามร่างกาย มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว มีกลิ่นหอมเย็น โดยสกัดมาจากเปลือกและเนื้อไม้ของต้นการบูร แต่ปัจจุบันจะเป็นการสังเคราะห์มาจากน้ำมันสน (Turpentine Oil) เป็นส่วนใหญ่

การใช้การบูรอย่างถูกวิธีตามฉลากยามักไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง แต่หากรับประทานการบูรเข้าไป อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะเด็กที่อาจเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต บทความนี้ได้รวบรวมสรรพคุณ วิธีใช้ และข้อควรระวังก่อนใช้การบูรไว้ให้อ่านกัน

ประโยชน์ของการบูร ตัวยาคู่บ้านกับวิธีใช้ให้ปลอดภัย

สรรพคุณของการบูร

การบูรอาจช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ต่อไปนี้

1. บรรเทาอาการคัดจมูกและเวียนศีรษะ

การบูรเป็นส่วนประกอบที่ใช้ในขี้ผึ้งบรรเทาอาการคัดจมูกและยาดม กลิ่นหอมเย็นของการบูรจะทำให้เกิดความรู้สึกเย็นในโพรงจมูก ซึ่งกระตุ้นตัวรับในสมอง (Brain Receptors) ให้รู้สึกว่าหายใจสะดวกขึ้น จึงอาจช่วยบรรเทาคัดจมูกจากหวัด โดยช่วยให้หายใจสะดวกและนอนหลับได้ดีขึ้น รวมทั้งบรรเทาอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด และเป็นลม

องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาหรือ FDA อนุมัติให้ใช้ขี้ผึ้งที่มีปริมาณความเข้มข้นของการบูรน้อยกว่า 11% ทาบริเวณคอและจมูกเพื่อบรรเทาอาการคัดจมูกจากหวัด นอกจากนี้ น้ำมันการบูรยังใช้เป็นน้ำมันหอมระเหยเพื่อบรรเทาอาการแน่นหน้าอกจากการมีเสมหะ (Chest Congestion)

2. บรรเทาปวด

การทายาที่มีส่วนประกอบของการบูรช่วยบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ การบูรดูดซึมทางผิวหนังได้ดี เมื่อทาที่ผิวจะให้ความรู้สึกเย็น มีฤทธิ์เป็นยาชาและอาจช่วยต้านจุลินทรีย์ได้ จึงนิยมใช้เป็นส่วนประกอบของครีมทาแก้ปวดบวม เคล็ดขัดยอก ตะคริว และแพลง 

นอกจากนี้ การบูรได้รับการอนุมัติจาก FDA ให้ใช้เป็นยาทาแก้ปวด โดยกำหนดให้ขี้ผึ้งทาผิวบรรเทาโรคข้อเข่าเสื่อมมีความเข้มข้นของการบูรอยู่ระหว่าง 3–11% ซึ่งความรู้สึกเย็นจากการทาครีมที่มีการบูรอาจช่วยให้ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบรู้สึกปวดน้อยลงและช่วยลดการอักเสบได้

3. ลดอาการทางผิวหนัง

ทาง FDA อนุมัติให้ใช้การบูรในครีมทาผิวเพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน จากผลการวิจัยพบว่ายาทาผิวที่มีส่วนประกอบของการบูรปริมาณ 0.1–3% อาจช่วยบรรเทาอาการคันผิวหนัง โดยความเย็นของการบูรจะช่วยให้รู้สึกคันน้อยลง

นอกจากนี้ การบูรอาจช่วยลดอาการระคายเคืองผิวจากแมลงกัดต่อย บรรเทาอาการเริมที่ปาก ฟื้นฟูผิวที่เป็นสิว มีริ้วรอยจากรังสียูวี (UV) และรักษาผิวจากแผลไหม้ที่ไม่รุนแรง แต่งานวิจัยในปัจจุบันมีจำนวนไม่มากและบางส่วนศึกษาในสัตว์ทดลอง จึงต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิภาพในการรักษาโรคเหล่านี้ในอนาคต 

ใช้การบูรอย่างไรให้ปลอดภัย

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการบูรอย่างปลอดภัยคือใช้ทาผิวหนังหรือสูดดมตามวิธีใช้ที่ระบุในฉลาก ห้ามกินหรือกลืนเพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น แสบร้อนช่องปาก คลื่นไส้ อาเจียน ชัก เกิดความผิดปกติของการมองเห็น สับสน และอาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะทารกและเด็กเล็กที่อาจหยิบยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีการบูรเข้าปาก ซึ่งวิธีใช้การบูรให้ปลอดภัยมีดังนี้

การทาผิวหนัง

การใช้การบูรในรูปแบบยาทาที่ผ่านกรรมวิธีเจือจางแล้ว เช่น ครีม โลชั่น หรือขี้ผึ้งทาผิว  มักไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงในผู้ใหญ่ แต่ไม่ควรใช้การบูรทาผิวให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี โดยปริมาณยาทาที่แนะนำจะแตกต่างกันตามโรคที่ต้องการรักษา เช่น

  • บรรเทาอาการไอและคัดจมูก ให้ทาขี้ผึ้งที่มีส่วนประกอบของการบูรที่มีความเข้มข้นไม่เกิน 11% บาง ๆ บริเวณลำคอและหน้าอก
  • บรรเทาอาการปวดและคันผิวหนัง ทาขี้ผึ้งที่มีส่วนประกอบของการบูรที่มีความเข้มข้นระหว่าง 3–11% บริเวณที่มีอาการวันละ 3–4 ครั้ง

ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการบูรควรทดสอบอาการแพ้ (Patch Tests) โดยทาครีมเล็กน้อยที่แขนด้านในและสังเกตอาการเป็นเวลา 24 ชั่วโมงก่อนใช้ยา หากมีอาการแพ้ เช่น มีผื่นแดงและแสบร้อนผิว ไม่ควรใช้ยาทาดังกล่าว รวมถึงไม่ควรทาโดยตรงที่จมูก และไม่ควรทาครีมบริเวณผิวหนังที่มีแผลเปิดหรือได้รับบาดเจ็บ

นอกจากนี้ หากใช้ยาหม่องน้ำทาบรรเทาอาการปวดที่มีการบูรและตัวยาอื่น เช่น เมทิลซาลิไซเลต (Methyl Salicylate) ไม่ควรนำมาสูดดม เพราะจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองบริเวณทางเดินหายใจ

การใช้ยาทาผิวที่มีการบูรในปริมาณเหมาะสมอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ผิวแดงและระคายเคือง แต่หากใช้ยาทาผิวที่มีส่วนประกอบของการบูรมากกว่า 11% หรือการบูรที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีเจือจาง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการทายาบริเวณรอบดวงตา ปาก และบริเวณที่มีแผล เพราะการบูรดูดซึมผ่านผิวหนังได้ง่าย และอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย

การสูดดม

ยาดมที่มีส่วนประกอบของการบูร ให้ป้ายสำลีหรือผ้าเช็ดหน้า หรือทาบาง ๆ ที่หน้าอกแล้วสูดไอระเหย หากมีโรคโพรงจมูกอักเสบจากการแพ้ ติดเชื้อในโพรงจมูก หรือไซนัสอักเสบควรหลีกเลี่ยงการใช้ เนื่องจากอาจทำให้โพรงจมูกระคายเคืองระคายเคืองมากขึ้น

การใช้ยาดมควรสูดดมแค่ใกล้ ๆ จมูก ไม่ควรให้หลอดยาดมสัมผัสจมูกหรือค้างหลอดยาดมไว้ในจมูก เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณโพรงจมูก และไม่ควรใช้ยาดมที่มีส่วนประกอบของการบูรต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน เพราะการบูรเป็นสารที่มีผลต่อระบบประสาท ซึ่งอาจทำให้เกิดการเสพติดเป็นนิสัยได้

การบูรมีประโยชน์ต่อสุขภาพหากใช้อย่างถูกวิธีตามที่ฉลากยาระบุ เมื่อใช้เสร็จควรปิดฝาให้สนิท เก็บในอุณหภูมิห้องให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง หากมีข้อสงสัยในการใช้ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการบูร เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ รวมถึงผู้ที่ให้นมบุตร และผู้ป่วยโรคตับที่อาจมีอาการของโรคแย่ลงจากการใช้การบูรได้