บิลาสทีน (Bilastine)
Bilastine (บิลาสทีน) เป็นยากลุ่มต้านฮิสตามีนหรือยาแก้แพ้ ใช้รักษาและระงับอาการโรคภูมิแพ้และอาการแพ้อื่น ๆ เช่น โรคภูมิแพ้จมูก โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ไข้ละอองฟางหรือผื่นลมพิษ
โดยตัวยาจะช่วยยับยั้งการออกฤทธิ์ของสารฮิสตามีน (Histamine) ในร่างกายที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น คัดจมูก จาม มีน้ำมูก คันจมูก คันตา น้ำตาไหล ผื่นลมพิษ ผื่นแดงตามผิวหนัง บางกรณีอาจนำมาใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
เกี่ยวกับยา Bilastine
กลุ่มยา | ยาต้านฮิสตามีนกลุ่มที่ไม่ทําให้ง่วง (Non-drowsy Antihistamine) |
ประเภทยา | ยาที่หาซื้อได้เอง |
สรรพคุณ | รักษาโรคจมูกอักเสบชนิดแพ้ โรคภูมิแพ้ขึ้นตา ภูมิแพ้ผิวหนัง ไข้ละอองฟางหรือลมพิษ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | ยังไม่มีการจัดหมวดหมู่ของยาชนิดนี้จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ FDA ซึ่งยาอาจส่งผลกระทบต่อมารดาหรือทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากกำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรก่อนเริ่มการใช้ยา |
คำเตือนในการใช้ยา Bilastine
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา Bilastine ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา Bilastine หากมีประวัติแพ้ยา และแพ้สารใด ๆ เพราะอาจเป็นส่วนประกอบในยา ทำให้เกิดอาการแพ้ยาหรือเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา
- แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เช่น ยาริโทนาเวียร์ (Ritonavir) ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine) ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ยาดิลไทอะเซม (Diltiazem) ยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin) หรือยาอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) เป็นต้น
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพใด ๆ เช่น โรคลมชัก โรคไต โรคพอร์ไฟเรีย (Porphyria) เคยป่วยด้วยกลุ่มอาการระยะคิวทียาว (Long QT Syndrome) หรือเคยมีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ
- ผู้ที่ใช้ยา Bilastine ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อนเข้ารับการผ่าตัด การทำทันตกรรม หรือการตรวจทางการแพทย์ใด ๆ
- ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการง่วงซึมหรือมีปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง หากมีอาการดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ ใช้เครื่องจักรหรือทำกิจกรรมที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในช่วงที่รับประทานยา
- ผู้ที่วางแผนจะมีบุตร กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงผลดี ผลเสีย และความเสี่ยงต่อทารกก่อนการใช้ยาชนิดนี้
- ห้ามใช้ยา Bilastine ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี
ปริมาณการใช้ยา Bilastine
ปริมาณการใช้ยา Bilastine ในเด็กที่มีอายุ 12 ขึ้นไปและผู้ใหญ่ สำหรับบรรเทาอาการจากโรคภูมิแพ้จมูก โรคภูมิแพ้ขึ้นตา หรือโรคลมพิษ คือ 20 มิลลิกรัม 1 ครั้ง/วัน
การใช้ยา Bilastine
ยา Bilastine ควรใช้เมื่อมีอาการเท่านั้น หากไม่มีอาการแล้วควรหยุดใช้ยาทันที ผู้ป่วยควรใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามใช้ยาในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง
ยา Bilastine ควรรับประทานในช่วงท้องว่าง 1 ชั่วโมงก่อนรับประทานอาหารหรือ 2 ชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร โดยให้กลืนยาทั้งเม็ดพร้อมน้ำเปล่า 1 แก้ว ห้ามบด เคี้ยวหรือตัดแบ่งยา และควรงดดื่มน้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างใช้ยานี้
แม้ยาชนิดนี้จะจัดอยู่ในกลุ่มยาต้านฮิสตามีนชนิดที่ไม่ทําให้ง่วง แต่ผู้ป่วยควรสังเกตความผิดปกติหลังรับประทานยาอยู่เสมอ เพราะยา Bilastine อาจทำให้รู้สึกง่วงได้ในผู้ป่วยบางราย หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา
การเก็บยาควรวางไว้ในอุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากอากาศเย็น ความร้อน ความชื้นหรือแสงแดด และเก็บยาให้ห่างจากมือเด็ก รวมถึงไม่ควรใช้ยา Bilastine ร่วมกับผู้อื่นและไม่ควรใช้ยาหากยาหมดอายุแล้ว
ในกรณีที่สงสัยว่าตนเองรับประทานยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที และแจ้งชนิดของยาและปริมาณที่รับประทานโดยละเอียดให้แพทย์ทราบ
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Bilastine
ยา Bilastine อาจส่งผลให้ง่วงซึม ปวดท้อง ปวดหรือเวียนศีรษะ ซึ่งหากมีอาการมากขึ้นหรืออาการแย่ลง ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันทีหากเกิดอาการรุนแรง เช่น ท้องเสีย มีเหงื่อออกมาก ชัก หัวใจเต้นช้าลง หายใจไม่อิ่ม มีอาการแพ้ยาหรืออาการแพ้ทางผิวหนังอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดผื่น ลมพิษ คัน ผิวลอกหรือมีรอยบวม แดง และแผลพุพอง หายใจเป็นเสียงหวีด มีไข้ ริมฝีปาก ลิ้น ใบหน้าหรือลำคอบวม กลืนลำบาก รู้สึกแน่นในบริเวณคอหรือหน้าอก