ครีมลดริ้วรอย ตัวช่วยย้อนอายุผิวกับข้อเท็จจริงน่ารู้

ครีมลดริ้วรอยอาจเป็นตัวช่วยของหลายคนเมื่อต้องก้าวเข้าสู่ช่วงวัยที่เริ่มมีริ้วรอย อีกทั้งความเครียดและมลภาวะ อย่างแสงแดดหรือฝุ่นควัน ก็อาจเร่งให้ริ้วรอยเกิดได้ง่ายขึ้น ซึ่งริ้วรอยบนใบหน้าอาจส่งผลให้สูญเสียความมั่นใจไปด้วย ดังนั้น ครีมลดริ้วรอยจึงอาจตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า

ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยตามท้องตลาดมักมีส่วนผสมของสารอาหารผิวที่หลากหลาย เพื่อรักษาปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับสภาพผิวอาจช่วยลดปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด โดยในบทความนี้ได้รวบรวม 5 สารอาหารผิวที่มาพร้อมคุณสมบัติช่วยลดริ้วรอย พร้อมสร้างผิวที่เรียบเนียนและอ่อนวัย มาให้ได้ศึกษากัน

ครีมลดริ้วรอย

5 สารอาหารผิวที่ควรมีในครีมลดริ้วรอย

การเลือกครีมลดริ้วรอยควรศึกษาสรรพคุณและส่วนประกอบในครีมหรือผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ก่อนเสมอ โดยเฉพาะการดูส่วนผสมว่ามีคุณสมบัติในเรื่องลดริ้วรอยหรือไม่ ซึ่งตัวอย่างสารอาหารผิวที่อาจช่วยลดริ้วรอยได้ มีดังนี้

1. เรตินอล (Retinol)

เรตินอลเป็นสารอาหารผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวอ่อนวัย ซึ่งเรตินอลถือเป็นวิตามินเอชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์จากอายุที่เพิ่มขึ้นและมลภาวะต่าง ๆ อีกทั้งยังลดการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) ที่มีส่วนช่วยให้ผิวดูเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น

โดยเชื่อกันว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลจะช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ไร้ริ้วรอย กระจ่างใส อิ่มน้ำ รวมทั้งลดรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ จึงอาจตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาหรือป้องกันปัญหาผิวที่หลากหลาย

2. วิตามินซี

วิตามินซีเป็นสารอาหารที่ขึ้นชื่อในด้านการดูแลสุขภาพ ความงาม และบำรุงผิวพรรณ วิตามินซีนั้นทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวเรตินอล โดยช่วยลดปัญหาเซลล์ผิวอ่อนแอ เสื่อมสภาพ  ต้านการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวไม่แห้งกร้านและดูอ่อนเยาว์

นอกจากนี้ วิตามินซียังเพิ่มการดูดซึมของคอลลาเจนและธาตุเหล็ก จึงอาจช่วยให้แผลจากรอยสิวหายเร็วขึ้น ดังนั้น ครีมลดริ้วรอยที่มีส่วนวิตามินซีอาจเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหารอยแผล รอยดำจากสิว หรือผิวอักเสบ

3. เอเอชเอ (AHA) และบีเอชเอ (BHA)

เอเอชเอและบีเอชเอ หรือสารไฮดรอกซีเอซิด (Hydroxy Acids) จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน ริ้วรอยตื้นขึ้น รอยดำรอยแดงจางลง พร้อมปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระชับรูขุมขน และกำจัดสิ่งอุดในรูขุมขนที่อาจเป็นสาเหตุของสิว

อย่างไรก็ตาม การใช้ในปริมาณที่เข้มข้นเกินไป หรือใช้บ่อยจนเกินพอดีอาจส่งผลให้ผิวบางและเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้ เพราะสารทั้งสองชนิดนี้เป็นสารผลัดเซลล์ผิวและออกฤทธิ์เป็นกรด อีกทั้งเอเอชเอและบีเอชเอมีวิธีใช้ที่แตกต่างกัน จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวหนังของตนเอง

4. เปปไทด์ (Peptide)

เปปไทด์เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีส่วนในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย เมื่อร่างกายผลิตคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้นก็อาจช่วยป้องกันและลดริ้วรอยได้ โดยเปปไทด์ที่ชื่ออาร์จิเรอลีน (Argireline) มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งอาจช่วยต้านริ้วรอยบนใบหน้าได้ ดังนั้น ใครที่มีริ้วรอยและรอยตีนกาก็อาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ ซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหาผิวลักษณะนี้ได้เหมือนกัน

5. โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10)

โคเอนไซม์คิวเทนเป็นอีกหนึ่งสารที่มักนำมาใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย โดยเชื่อกันว่าจะช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของอายุผิวและลดริ้วรอย เนื่องจากเอนไซม์ชนิดนี้ทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิแดนซ์ ซึ่งมีคุณสมบัติเสริมสร้างพลังงานให้กับเซลล์ ปกป้องเซลล์ผิวจากมลภาวะ และปรับสมดุลสารเคมีในร่างกาย รวมทั้งยังมีการศึกษาที่พบว่าโคเอนไซม์คิวเทนอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังได้ด้วย

ครีมลดริ้วรอยได้ผลจริงไหม ?

หากอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ ผิวคนเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ ครีมลดริ้วรอยอาจค่อย ๆ ช่วยฟื้นฟูผิว และสารอาหารผิวบางชนิดที่อยู่ในผลิตภัณฑ์อาจมีคุณสมบัติในการชะลอการเกิดริ้วรอยเท่านั้น แต่อาจจะไม่สามารถลดริ้วรอยที่มีอยู่ก่อนแล้ว

นอกจากนี้ ประสิทธิภาพของครีมลดริ้วรอยยังขึ้นอยู่กับชนิดของส่วนประกอบ ความเข้มข้นของสารอาหารผิว ความสม่ำเสมอในการใช้ รวมทั้งสารอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์ที่อาจทำปฏิกิริยาต่อผิว จึงทำให้ผลลัพธ์หลังการใช้ครีมลดริ้วรอยในแต่ละคนแตกต่างกัน 

เคล็ดลับช่วยลดริ้วรอย

นอกจากครีมลดริ้วรอยที่อาจช่วยป้องกันและลดปัญหาผิวแล้ว ยังมีคำแนะนำอื่น ๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพผิวให้ดีขึ้นและห่างไกลจากริ้วรอย ดังนี้

  1. บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือสารให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ เพราะผิวแห้งขาดน้ำอาจทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น
  2. หลีกเลี่ยงการล้างหน้าบ่อยเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้หน้าแห้งได้
  3. ทาครีมกันแดดที่มีค่าเอสพีเอฟ (SPF) สูงเสมอ
  4. หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น รวมทั้งสวมเสื้อและอุปกรณ์ป้องกันแสงแดดทุกครั้งที่ต้องเผชิญแสงแดดแรง
  5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระสูง
  6. งดการสูบบุหรี่ เนื่องจากควันบุหรี่นั้นส่งผลให้เซลล์ภายในร่างกาย รวมถึงผิวหนังได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังลดระดับของคอลลาเจนและอีลาสตินในร่างกายด้วย

นอกจากผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยและเคล็ดลับเหล่านี้แล้ว ยังมีเทคโนโลยีทางการแพทย์อื่น ๆ ที่อาจช่วยลดริ้วรอย เช่น การฉีดโบท็อก การฉีดฟิลเลอร์ การยิงเลเซอร์ การยกกระชับใบหน้า เป็นต้น หากมีความจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ควรเลือกคลีนิกหรือสถานพยาบาลที่มีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย รวมทั้งปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการเหล่านี้