ขอบตาดำ เกิดจากอะไร แก้ยังไงดี ?

หลายคนเข้าใจว่า ขอบตาดำอาจเกิดจากการนอนดึกหรือร้องไห้ แต่ในความเป็นจริงยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ขอบตาดำได้ เช่น อายุ แสงแดด หรืออาการเจ็บป่วย เป็นต้น ซึ่งอาการขอบตาดำส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงแต่อย่างใด โดยเกิดขึ้นได้ในทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเล็ก ใครที่กำลังเผชิญปัญหานี้ อาจจัดการได้ด้วยตนเองที่บ้าน หรืออาจเลือกปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาก็ได้

1511 ขอบตาดำ Resized

ทำไมถึงมีขอบตาดำ ?

ขอบตาดำอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ฮอร์โมน อาการเจ็บป่วย หรือหลาย ๆ สาเหตุรวมกัน

โดยปัจจัยตัวอย่างที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดขอบตาดำ มีดังนี้

  • อายุ เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ถุงใต้ตาบริเวณหนังตาจะเริ่มหย่อนยานตามอายุ ทำให้เกิดเป็นเงาบริเวณขอบตา อีกทั้งการผลิตไขมันและคอลลาเจนบริเวณผิวหนังก็ลดลง ทำให้ผิวหนังบางลงจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ชัดเจน และทำให้ความคล้ำบริเวณขอบตายิ่งชัดเจนขึ้น
  • ความเครียดและการพักผ่อนน้อย ความเครียดสะสมหรือความเครียดเรื้อรังอาจส่งผลให้มีปัญหาในการนอนหลับ ทำให้ผิวซีดจางและดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้นจนสามารถสังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ตาได้ชัดเจน
  • อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น อาการแพ้ เป็นต้น เพราะหากเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นตาจะทำให้ระคายเคืองดวงตาและเผลอไปขยี้ตาได้ ซึ่งอาจส่งผลให้ขอบตาดำ หรือเกิดการคัดจมูก และอาการคัดจมูกอาจทำให้เส้นเลือดบริเวณดวงตาและจมูกบวมขึ้นจนทำให้ผิวบริเวณใต้ดวงตาดำคล้ำขึ้นได้เช่นกัน
  • ภาวะขาดน้ำ เมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอตามปริมาณที่ต้องการ เซลล์ผิวก็จะไม่กระจ่างใส ส่งผลให้รอยดำคล้ำใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น
  • การตั้งครรภ์ เมื่ออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
  • การสูบหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะบุหรี่ทำให้ขอบตาดำคล้ำยิ่งขึ้น และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา
  • แสงแดด แสงแดดอาจกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น จนผิวหน้าบริเวณขอบตาดำคล้ำขึ้นได้

ขอบตาดำ ทำอย่างไรดี ?

การรับมือปัญหาขอบตาดำอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยคล้ำรอบดวงตา ซึ่งหากขอบตาดำเพราะอายุมากขึ้นก็อาจจัดการได้ค่อนข้างยาก แต่หากขอบตาดำเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ อย่างรูปแบบการใช้ชีวิตหรือปัจจัยแวดล้อม ก็อาจแก้ไขได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยบางอย่าง

โดยวิธีที่อาจช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำได้ มีดังนี้  

  • จัดการกับความเครียด เนื่องจากความเครียดอาจส่งผลให้มีปัญหาในการนอน การจัดการความเครียดและหาวิธีผ่อนคลายก็อาจช่วยให้นอนหลับสบายและพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ
  • ดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อไม่ให้แสงแดดกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังมากเกินไป
  • จัดหมอนรองนอน ควรจัดหมอนหนุนรองนอนให้สูงขึ้น หรือหาหมอนใบอื่นมาหนุุนเพิ่ม เพื่อช่วยลดปริมาณของเหลวที่สะสมอยู่บริเวณใต้ตา
  • ประคบเย็น โดยใช้ผ้าแช่เย็นหรือแตงกวาหั่นแว่นแช่เย็นมาประคบบริเวณดวงตาและขอบตา ซึ่งความเย็นอาจช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำได้ แต่แตงกวาถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความเย็นแก่ผิวรอบดวงตาเท่านั้น ส่วนสารประกอบอื่น ๆ ในแตงกวาไม่ได้มีผลทำให้ขอบตาหายดำคล้ำได้แต่อย่างใด
  • แต่งหน้า โดยทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณขอบตาแล้วใช้เครื่องสำอางทาปกปิดบริเวณรอยคล้ำดังกล่าว เพื่อป้องกันอาการตาแห้งที่อาจทำให้ขอบตาดำคล้ำกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม การแต่งหน้าเป็นเพียงการอำพรางรอยคล้ำเท่านั้น ไม่ได้รักษาปัญหาขอบตาดำได้
  • ใช้ยา เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยที่ทำให้ขอบตาดำ เช่น ใช้ยาต้านฮิสตามีนเพื่อรักษาอาการแพ้ เป็นต้น
  • เลิกดื่มแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่ เพื่อไม่ให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา

รักษาขอบตาดำด้วยวิธีทางการแพทย์

นอกจากการดูแลตนเอง ผู้ที่ประสบปัญหาขอบตาดำอาจปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น

  • รักษาโรค ควรรักษาโรคและการเจ็บป่วยที่เป็นสาเหตุทำให้ขอบตาคล้ำ เช่น โรคภูมิแพ้ หรือโรคหวัด เป็นต้น
  • ศัลยกรรมเลเซอร์ โดยยิงเลเซอร์เพื่อกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน กำจัดผิวหนังส่วนเกินของถุงใต้ตา และทำลายเม็ดสีบริเวณใต้ดวงตาที่เป็นรอยดำคล้ำ อย่างไรก็ตาม การศัลยกรรมเลเซอร์เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูง เสี่ยงเกิดแผลเป็นและการติดเชื้อ ทำให้เกิดความเจ็บปวดมาก และอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการฟื้นตัว
  • ฉีดฟิลเลอร์ เป็นวิธีที่อาจช่วยปกปิดความคล้ำของเม็ดสีและเส้นเลือดใต้ผิวหน้า โดยอาจช่วยปกปิดได้นานถึง 6 เดือน แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น อาการบวม ช้ำ หรืออาการแพ้ เป็นต้น ซึ่งในบางครั้งการฉีดฟิลเลอร์ก็อาจทำให้ขอบตาดำคล้ำกว่าเดิม