Oseltamivir (โอเซลทามิเวียร์)

Oseltamivir (โอเซลทามิเวียร์)

Oseltamivir (โอเซลทามิเวียร์) คือ ยาต้านไวรัสชนิดหนึ่ง มีหน้าที่ยับยั้งการทำงานของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เช่น สายพันธุ์ใหม่ H1N1 หรือไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่กำลังระบาดอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก และสายพันธุ์ B เป็นไวรัสที่ระบาดในระดับภูมิภาค โดยต้องรับประทานยาภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากมีอาการของไข้หวัดใหญ่ ควรปฏิบัติตามแพทย์สั่งและฉลากยาอย่างเคร่งครัด เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้

523 Oseltamivir

เกี่ยวกับ Oseltamivir

กลุ่มยา ยาต้านไวรัส
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ ป้องกันและรักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B
กลุ่มผู้ป่วย เด็กและผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทานชนิดแคปซูล และยาน้ำแขวนตะกอน


คำเตือนในการใช้ยา Oseltamivir

ควรปรึกษาและแจ้งแพทย์ให้ทราบถึงเงื่อนไขของผู้ป่วยเกี่ยวกับประวัติการใช้ยา ประวัติทางการแพทย์ และประวัติการแพ้ยาก่อนการใช้ยาทุกครั้ง โดยเฉพาะบุคคลที่อยู่ในกลุ่มดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่แพ้ยา Oseltamivir
  • ผู้ที่รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดพ่นทางจมูกในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต โรคหัวใจ โรคปอด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
  • ผู้ที่มีอาการบวมหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับสมอง
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ เป็นต้น
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ และผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ไม่ควรใช้เพื่อรักษาไข้หวัดใหญ่ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 สัปดาห์และไม่ควรใช้เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี
  • ไม่ควรใช้แทนการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ต้องรับเป็นประจำทุกปี

ปริมาณการใช้ยา Oseltamivir

ยา Oseltamivir เป็นยาต้านเชื้อไวรัส ปริมาณการใช้ยาจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัว ข้อบ่งใช้ของผู้ป่วยแต่ละราย หรือจุดประสงค์ในการใช้ยา เช่น ใช้เพื่อการรักษา หรือใช้เพื่อป้องกัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • การรักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B ควรใช้ยาภายใน 2 วันหลังพบอาการ และรับประทาน 2 ครั้งต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน
  • ผู้ใหญ่และเด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 40 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานขนาด 75 มิลลิกรัม
  • เด็กแรกเกิดถึงเด็กที่มีอายุ 1 เดือน รับประทานขนาด 2 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • เด็กอายุ 1-3 เดือน รับประทานขนาด 2.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • เด็กอายุ 3 เดือน-1 ปี รับประทานขนาด 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 15 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานขนาด 30 มิลลิกรัม
  • เด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 15-23 กิโลกรัม รับประทานขนาด 45 มิลลิกรัม
  • เด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 23-40 กิโลกรัม รับประทานขนาด 60 มิลลิกรัม
  • การป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B ควรใช้ยาภายใน 2 วันหลังสัมผัสเชื้อ รับประทาน 1 ครั้งต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 10 วัน สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ของการแพร่ระบาดสามารถใช้ยาได้สูงสุดนาน 6 สัปดาห์ และในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจะใช้ยาได้สูงสุดนาน 12 สัปดาห์
  • ผู้ใหญ่และเด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 40 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานขนาด 75 มิลลิกรัม
  • เด็กแรกเกิดถึงเด็กที่มีอายุ 1 เดือน รับประทานขนาด 2 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • เด็กอายุ 1-3 เดือน รับประทานขนาด 2.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • เด็กอายุ 3 เดือน-1 ปี รับประทานขนาด 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 15 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานขนาด 30 มิลลิกรัม
  • เด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 15-23 กิโลกรัม รับประทานขนาด 45 มิลลิกรัม
  • เด็กที่มีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 23-40 กิโลกรัม รับประทานขนาด 60 มิลลิกรัม

การใช้ยา Oseltamivir

  • ยา Oseltamivir  เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ โดยพิจารณาจากเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละราย ควรอ่านฉลากยาและทำตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ยาในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไป และไม่ควรใช้ยานี้เกินกว่าระยะเวลาที่แพทย์สั่ง
  • รับประทานยาให้เร็วที่สุดหลังพบอาการของไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ คัดจมูก หรือน้ำมูกไหล
  • ควรรับประทานยาพร้อมดื่มน้ำเปล่าตาม 1 แก้ว รับประทานได้ทั้งก่อนและหลังอาหาร หรือรับประทานพร้อมมื้ออาหารเพื่อลดการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร
  • สามารถแกะแคปซูลและนำผงยาภายในมาผสมกับเครื่องดื่มที่มีรสหวานได้ เช่น น้ำเชื่อม น้ำตาลทรายแดงละลายน้ำ เป็นต้น เพื่อทำให้สะดวกและง่ายต่อการกลืน แต่ควรรับประทานทันทีหลังผสมเสร็จ
  • หากลืมรับประทานทานยาตามเวลาที่แพทย์สั่ง เมื่อนึกขึ้นได้สามารถรับประทานได้ทันที ไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อทดแทนในมื้อที่ขาดหายไป และควรข้ามไปรับประทานยาครั้งต่อไป หากนึกขึ้นได้ก่อนเวลารับประทานยาครั้งต่อไปไม่ถึง 2 ชั่วโมง
  • ควรเก็บยาชนิดแคปซูลไว้ที่อุณหภูมิห้อง หรือประมาณ 25 องศาเซลเซียส ไม่ควรเก็บในที่ที่มีความร้อน ความชื้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงโดยตรง ควรเก็บยาน้ำแขวนตะกอนไว้ในตู้เย็น หรือประมาณ 2-8 องศาเซลเซียส และควรใช้ให้หมดภายใน 17 หลังจากผสมแล้ว ไม่ควรเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องนานไม่เกิน 10 วัน รวมถึงควรทิ้งยาที่หมดอายุ และเก็บให้ไกลจากมือเด็ก

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Oseltamivir

ยา Oseltamivir อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปในขณะใช้ยาได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง หรืออาจเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้

  • อาการแพ้ที่ผิวหนังอย่างรุนแรง
  • อาการข้างเคียงต่อระบบประสาท เช่น เพ้อ เห็นภาพหลอน พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป อาจเกิดขึ้นร่วมกับอาการสมองอักเสบหรือกลุ่มอาการทางสมอง Encephalopathy
  • ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
  • อาหารไม่ย่อย และท้องเสีย ในผู้ป่วยที่เป็นโรคทางพันธุกรรมที่ไม่สามารถย่อยน้ำตาลฟรักโทสได้ (Fructose Intolerance)

 

โรคที่เกี่ยวข้อง:

  • ไข้หวัดใหญ่