ไดโคลฟีแนค (Diclofenac)
Diclofenac (ไดโคลฟีแนค) เป็นยาแก้ปวดในกลุ่มยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ในร่างกายที่ก่อให้เกิดอาการบวมและอักเสบ จึงช่วยบรรเทาอาการปวดบวมจากการอักเสบ ปวดข้อกระดูก เช่น โรคข้อเสื่อม ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปวดท้องประจำเดือน ข้ออักเสบ อาการปวดทั่วไป
ยา Diclofenac จะถูกผลิตออกมาให้อยู่ในรูปเกลือที่เรียกว่า Diclofenac Sodium และ Diclofenac Potassium ซึ่งชนิดหลังจะสามารถดูดซึมในร่างกายได้ไวกว่า จึงช่วยบรรเทาอาการปวดได้เร็วกว่า นอกจากนี้ แพทย์อาจใช้ยา Diclofenac เพื่อรักษาโรคหรือภาวะผิดปกติอื่นตามดุลยพินิจของแพทย์ เช่น บรรเทาอาการปวดหลังจากการผ่าตัด หรือปวดไมเกรน
เกี่ยวกับยา Diclofenac
กลุ่มยา | ยาต้านการอักเสบ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | บรรเทาอาการอักเสบ ปวด และบวม |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category B กรณีใช้ยาชนิดทา จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า มีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป Category C กรณีใช้ยาชนิดหยอดตา และกรณียาชนิดรับประทานที่อายุครรภ์ไม่เกิน 30 สัปดาห์ จากการศึกษาในสัตว์พบว่า ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์ หรือไม่มีข้อมูลเพียงพอในการศึกษาทดลองในมนุษย์และสัตว์ ควรใช้ยาเมื่อพิจารณาแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อทารกในครรภ์ Category D กรณียาชนิดรับประทานที่อายุครรภ์มากกว่า 30 สัปดาห์ จากการศึกษาในมนุษย์ พบความเสี่ยงทำให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ จะใช้ก็ต่อเมื่อพิจารณาแล้วว่า ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมารดาและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดต่อทารกในครรภ์ โดยมากมักใช้ในกรณีที่จำเป็นในการช่วยชีวิต หรือใช้รักษาโรคร้ายแรงของมารดา ซึ่งไม่สามารถใช้ยาอื่น ๆ ทดแทนได้
สำหรับที่ต้องให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงก่อนใช้ยา |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน ยาทา ยาฉีด ยาหยอด |
คำเตือนของการใช้ยา Diclofenac
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Diclofenac ผู้ใช้ยาควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา Diclofenac ห้ามใช้ยานี้ หรือหากแพ้ยาแก้ปวดในกลุ่มเอ็นเสดอื่น ๆ เช่น ยาแอสไพริน (Aspirin) ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาคีโตโปรเฟน (Ketoprofen) และยาเซเลโคซิบ (Celecoxib) ไม่ควรใช้ยานี้
- ผู้ที่จะผ่าตัดหัวใจหรือทำบายพาสไม่ควรใช้ยา Diclofenac
- ผู้ที่สูบบุหรี่และมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ โรคเกี่ยวกับหัวใจ ช่องทวารหนักอักเสบหรือมีอาการปวด โรคหอบหืด โรคตับหรือไต ภาวะบวมน้ำ ภาวะเลือดแข็งตัวช้า เซลล์เม็ดเลือดผิดปกติ ปัญหาด้านไขกระดูก โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรืออาการที่บ่งบอกถึงภาวะเลือดออกในกระเพาะหรือลำไส้อย่างอุจจาระมีสีดำผิดปกติ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
- ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟันในระหว่างใช้ยา Diclofenac ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบก่อน
- ห้ามใช้ยา Diclofenac ในคนที่มีการทำงานของตับหรือไตผิดปกติอย่างรุนแรง
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร ไม่ควรใช้ยา Diclofenac หากไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- ผู้สูงอายุและเด็กที่ต้องใช้ยา Diclofenac ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงการขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากยาอาจทำให้วิงเวียนหรือง่วงนอนจนเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ขณะใช้ยานี้ เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจส่งผลให้ผู้ใช้ยาเสี่ยงต่อผลข้างเคียงมากขึ้น
ปริมาณการใช้ยา Diclofenac
ปริมาณการใช้ยา Diclofenac จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย จุดประสงค์ของการรักษา และดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยาดังนี้
อาการปวดอย่างฉับพลัน รวมถึงปวดท้องจากนิ่วที่ไต (Renal Colic)
ตัวอย่างการใช้ยา Diclofenac เพื่อบรรเทาอาการปวดอย่างฉับพลัน และปวดท้องจากนิ่วที่ไต ได้แก่
เด็กอายุมากกว่า 14 ปี ให้รับประทานยาเม็ด ครั้งละ 25 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง หรือรับประทานครั้งละ 50 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง
ผู้ใหญ่ กรณีที่อาการปวดไม่รุนแรง ให้รับประทานยาเม็ด ขนาด 25–50 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง หากเป็นยาชนิดออกฤทธิ์นาน ให้รับประทานวันละ 75–150 มิลลิกรัม โดยแบ่งรับประทานวันละ 2–3 ครั้ง
อาการปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ (Primary Dysmenorrhea)
ตัวอย่างการใช้ยา Diclofenac เพื่อบรรเทาอาการปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ ได้แก่
ผู้ใหญ่ ให้รับประทานยาเม็ด ขนาด 50 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง
โรคไมเกรน
ตัวอย่างการใช้ยา Diclofenac เพื่อบรรเทาอาการปวดจากไมเกรน ได้แก่
ผู้ใหญ่ ให้เริ่มรับประทานยาเม็ด ขนาด 25–50 มิลลิกรัม และหากอาการไม่ดีขึ้นให้รับประทานยา ขนาด 25–50 มิลลิกรัมทุก 4–6 ชั่วโมง โดยปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 200 มิลลิกรัม/วัน
โรคข้ออักเสบเรื้อรังในเด็ก
ตัวอย่างการใช้ยา Diclofenac เพื่อบรรเทาอาการจากโรคข้ออักเสบเรื้อรังในเด็ก ได้แก่
เด็กที่อายุ 1–12 ปี ให้รับประทานยาเม็ดชนิดออกฤทธิ์นาน ขนาด 1–3 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน โดยอาจแบ่งปริมาณการรับประทานยาแต่ละครั้งตามคำแนะนำของแพทย์
อาการปวดตาจากการได้รับบาดเจ็บ
ตัวอย่างการใช้ยา Diclofenac เพื่อบรรเทาอาการปวดตาจากการได้รับบาดเจ็บ ได้แก่
ผู้ใหญ่ ยาหยอดตา ความเข้มข้นของยา 0.1% ให้หยอดตาข้างที่มีอาการวันละ 4 ครั้ง ครั้งละ 1 หยด และไม่ใช้ยานี้ติดต่อกันนานเกิน 2 วัน หรือตามแพทย์สั่ง
การใช้ยา Diclofenac
ผู้ที่ใช้ยา Diclofenac ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ไม่ควรใช้ยาในปริมาณมากหรือน้อยกว่าที่แพทย์กำหนด โดยยาชนิดเม็ด ไม่ควรเคี้ยว หัก หรือแบ่งยาเป็นส่วน ๆ ควรกลืนยาไปทีเดียว แล้วดื่มน้ำตาม 1 แก้ว และไม่ควรเอนตัวนอนทันทีหลังรับประทาน รวมไปถึงดื่มนมหรือรับประทานอาหารบางชนิดเมื่อมีการรับประทานยา เพราะอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาลดลงได้
หากลืมรับประทานยาตามเวลาที่กำหนด สามารถรับประทานยาได้ทันที แต่หากใกล้ถึงเวลาการรับประทานยาในรอบต่อไป ให้ข้ามไปรอบถัดไป ไม่ควรเพิ่มปริมาณการรับประทานยาเป็น 2 เท่า หากมีอาการผิดปกติหรือรุนแรงขึ้น ควรรีบพบแพทย์โดยทันที สำหรับการเก็บรักษายา ควรเก็บยาให้ห่างมือเด็กและเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความชื้นและความร้อน
ปฏิกิริยาระหว่างยา Diclofenac กับยาอื่น
ยา Diclofenac อาจทำปฏิกิริยาระหว่างยาชนิดอื่น โดยเฉพาะยาต่อไปนี้
- ยาในกลุ่มเอ็นเสด
- ยาละลายลิ่มเลือด
- ยาสเตียรอยด์
- ยาขับปัสสาวะ
- ยารักษาโรคหัวใจ
- ยาคุมกำเนิด
- ยาสำหรับผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะหรือผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกัน
- ยารักษาโรคทางอารมณ์
- ยารักษาโรคเบาหวาน
- ยาอื่น ๆ เช่น ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ยาเฟนิโทอิน (Phenytoin) หรือยาโวริโคนาโซล (Voriconazole)
นอกจากตัวอย่างยาในข้างต้น ยังมียา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และสมุนไพรชนิดต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของยาได้ จึงควรแจ้งแพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งหากกำลังใช้ยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ อยู่
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Diclofenac
ยา Diclofenac อาจก่อให้เกิดอาการผิดปกติบางอย่างได้ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีลมในท้อง เรอ ท้องผูก ท้องเสีย อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ระบบย่อยผิดปกติ คันหรือเป็นผื่นบริเวณผิวหนังเล็กน้อย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ และความดันโลหิตสูง
ส่วนอาการข้างเคียงที่ต้องหยุดใช้ยาแล้วรีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดอาการรุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ เช่น
- อาการแพ้ยา เช่น เช่น หายใจไม่ออก มีผื่นขึ้น หรือบวมบริเวณใบหน้า ลิ้น ริมฝีปาก และลำคอ
- เกิดรอยผื่นใด ๆ
- สัญญาณของภาวะหัวใจขาดเลือด หรือสมองขาดเลือด เช่น ชาครึงซีก พูดลำบาก หายใจไม่ออก หรือเจ็บบริเวณหน้าอก ขากรรไกร หัวใจ
- ภาวะผิดปกติทางหัวใจ เช่น บวมตามร่างกาย น้ำหนักขึ้นผิดปกติ หายใจหอบ เหนื่อยง่ายกว่าปกติแม้เดินในระยะสั้น ๆ
- สัญญาณของภาวะเลือดออกในกระเพาะ เช่น อุจจาระปนเลือดหรือมีสีดำ ไอปนเลือด หรืออาเจียนเป็นสีดำ
- อาการผิดปกติทางไต เช่น ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ อ่อนเพลีย หายใจไม่อิ่ม หรือแขนขาบวม
- อาการผิดปกติทางตับ เช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง โดยเฉพาะบริเวณด้านขวาบน ท้องเสีย อ่อนเพลีย คันผิวหนัง ปัสสาวะสีเข้ม หรือดวงตาและผิวหนังเป็นสีเหลือง
- อาการอื่น ๆ เช่น เป็นไข้ เลือดออกหรือเกิดรอยช้ำง่าย เจ็บคอเรื้อรัง เกิดแผลในปากบ่อย ๆ ข้อมือหรือข้อเท้าบวม หรือปวดกล้ามเนื้อ