เท้าเหม็น รู้จักสาเหตุและเคล็ดลับรับมือด้วยตัวเองอย่างง่าย ๆ

เท้าเหม็น ถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจของใครหลายคน อีกทั้งยังอาจรบกวนคนรอบข้างได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ปัญหาเท้าเป็นเป็นปัญหาที่ทุกคนสามารถรับมือได้ ซึ่งในบทความนี้ได้รวบรวมวิธีต่าง ๆ เอาไว้ รวมไปถึงสาเหตุที่มักพบและสัญญาณที่ควรไปพบแพทย์ ให้ผู้ที่มีปัญหานี้ได้ลองนำไปปรับใช้กัน

เท้าเหม็น เป็นอาการที่พบได้ค่อนข้างบ่อย โดยแม้จะฟังดูแล้วเป็นอาการที่ไม่ค่อยมีความรุนแรง หรืออาจเป็นเพียงอาการที่สร้างความรู้สึกอึดอัดให้แก่คนที่อยู่ใกล้ ๆ เท่านั้น แต่ผู้ที่มีอาการเท้าเหม็นก็ควรจัดการกับอาการให้เรียบร้อย เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้ อาการเท้าเหม็นอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ต่อผิวหนังบริเวณเท้าได้

เท้าเหม็น

เท้าเหม็นเกิดจากอะไร

เท้าเหม็นสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน แต่สาเหตุหลัก ๆ มักจะมาจากเชื้อแบคทีเรียและเหงื่อที่ออกบริเวณเท้า เนื่องจากบริเวณเท้าเป็นบริเวณที่มีต่อมเหงื่อจำนวนมาก ซึ่งจะผลิตเหงื่อออกมาในสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป เช่น ยิ่งอากาศร้อนอบอ้าวหรือทำกิจกรรมมากก็จะทำให้เกิดการผลิตเหงื่อออกมาเพื่อเป็นการระบายความร้อนออกจากร่างกาย 

และเมื่อบริเวณเท้ามีเหงื่อออกมาเยอะ แบคทีเรียที่มีอยู่บริเวณเท้าก็จะย่อยสลายสารในเหงื่อจนทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ตามมา ซึ่งกลิ่นเหล่านี้จะติดอยู่กับเท้า รวมไปถึงรองเท้าและถุงเท้าด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ในบางรายกลิ่นเท้าอาจมีสาเหตุมาจากภาวะหลั่งเหงื่อมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) ซึ่งเมื่อรวมกับปัจจัยอื่นที่กระตุ้นให้เกิดการผลิตเหงื่อก็ยิ่งมีความอับชื้นจนเกิดการสะสมของแบคทีเรียได้มากขึ้นอีก 

ทั้งนี้ ความชื้นที่เพิ่มขึ้นบริเวณเท้ายังอาจนำไปสู่การติดเชื้อต่าง ๆ บริเวณผิวหนังที่เท้าได้อีกด้วย เช่นโรคน้ำกัดเท้า (Athlete's Foot) หรือฮ่องกงฟุตที่เกิดจากการติดเชื้อรา โดยผู้ที่ป่วยจะมีอาการคัน เท้าแตก ลอก และส่งกลิ่นจากความอับชื้น

วิธีรับมือกับปัญหาเท้าเหม็น

การรักษาอาการเท้าเหม็นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ แต่ในเบื้องต้น อาจจะลองทำตามวิธีดังต่อไปนี้

1. รักษาความสะอาดบริเวณเท้า

ผู้ที่มีปัญหาเท้าเหม็น ควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดเท้าให้แห้งเป็นประจำทุกวัน หรืออย่างน้อยก่อนการสวมรองเท้า เพื่อช่วยป้องกันความเปียกชื้นเมื่อสวมรองเท้า ที่จะกลายเป็นแหล่งที่อยู่ของแบคทีเรียได้ 

สำหรับบางคนที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเท้ามาก อาจลองล้างเท้าในอ่าง ขัดทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อาจติดอยู่บริเวณเท้าก่อนจะเช็ดให้แห้งอีกครั้งแทนการใช้น้ำราดลงบนเท้าผ่าน ๆ

นอกจากนี้ การตัดเล็บเท้าให้สั้นและหมั่นทำความสะอาดตามซอกเล็บก็เป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงใช้ที่ขัดเท้าช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออก เพราะผิวหนังชั้นนอกเหล่านี้อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและความอับชื้นได้

2. เลือกสวมใส่รองเท้าและถุงเท้าให้เหมาะสม

แม้ว่าจะดูไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของกลิ่นเท้ามากนัก แต่การสวมใส่รองเท้าที่มีขนาดเล็กกว่าขนาดเท้าจนเกินไปจะยิ่งส่งผลให้เกิดเหงื่อออกได้มากกว่าปกติ

นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดรองเท้าเป็นครั้งคราวและหลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าคู่เดิมหลายวันติดต่อกัน เนื่องจากการสวมรองเท้าคู่เดิมทุกวันอาจเพิ่มโอกาสในการสะสมแบคทีเรียที่เพิ่มมากขึ้นจากความเปียกชื้น ดังนั้น อาจจะเลือกสลับรองเท้าคู่ใหม่บ้างในบางวัน และปล่อยให้รองเท้าปราศจากความชื้นสัก 1–2 วันก่อนนำมาสวมใส่อีกครั้ง

ส่วนเรื่องของถุงเท้า ผู้ที่ต้องสวมถุงเท้าควรเลือกถุงเท้าที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติอย่างผ้าฝ้าย ผ้าขนสัตว์ หรือบางคู่มีการถักทอแบบพิเศษสำหรับการซึบซับเหงื่อและระบายอากาศให้ไหลผ่านได้สะดวก รวมไปถึงถุงเท้าประเภทที่มีการชุบสารที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย และที่สำคัญ ควรเปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน เพราะการสวมใส่ถุงเท้าคู่เดิมหลายครั้งอาจก่อให้เกิดความอับชื้นได้

3. หลีกเลี่ยงการใช้รองเท้าร่วมกับผู้อื่น

การใช้รองเท้ารวมกับผู้อื่นอาจเป็นสาเหตุที่ส่งผลให้แบคทีเรียที่เป็นตัวสร้างกลิ่นสามารถแพร่กระจายจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้รวดเร็วมากขึ้น

4. ใช้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อและระงับกลิ่น

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยลดกลิ่นเหม็นบริเวณเท้าอาจช่วยแก้ปัญหาเท้าเหม็นได้ เช่น สเปรย์ระงับกลิ่นสำหรับใช้ฉีดลงไปในรองเท้าแล้วทิ้งไว้ให้แห้งก่อนนำมาสวมใส่ หรือการโรยแป้งฝุ่นเพื่อช่วยดูดซับเหงื่อและระงับกลิ่นเท้า

5. ขจัดกลิ่นในรองเท้าด้วยเบกกิ้งโซดา

เบคกิ้งโซดาเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง รวมไปถึงการดูดซับกลิ่นเหม็นในรองเท้า โดยสิ่งที่ต้องเตรียมมีเพียงเบคกิ้งโซดาและที่กรองกาแฟไม่ใช้แล้ว

โดยเริ่มจากการตักเบคกิ้งโซดาใส่ลงไปในที่กรองกาแฟแล้วปิดปากถุงด้วยการรัดด้วยหนังยาง หรือเทปใส จากนั้นนำไปวางไว้ในรองเท้าข้างละ 1 ซอง ทิ้งไว้ข้ามคืน ก่อนนำมาสวมใส่อีกครั้ง

สำหรับผู้ที่ลองทำตามวิธีในข้างต้นแล้วพบว่าอาการเท้าเหม็นไม่ดีขึ้น หรือพบว่าปัญหาเท้าเหม็นหรือกลิ่นเท้าค่อนข้างรุนแรงจนก่อให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและการรักษาที่เหมาะสม เนื่องจากปัญหาเท้าเหม็นอาจจะบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางอย่างได้ เช่น ภาวะหลั่งเหงื่อมาก โรคเบาหวาน โรควิตกกังวล หรือไทรอยด์เป็นพิษ