ถุงลมโป่งพอง

ความหมาย ถุงลมโป่งพอง

ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) เป็นโรคที่อยู่ในกลุ่มของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease: COPD) เกิดจากการอักเสบและแตกของเนื้อปอดที่บริเวณถุงลมปอด ทำให้เนื้อปอดมีถุงลมเล็ก ๆ มากมายคล้ายพวงองุ่น และรวมกับถุงลมที่อยู่ติดกันจนกลายเป็นถุงลมขนาดใหญ่ ทำให้มีพื้นผิวในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในปอดลดลงหรือมีอากาศค้างในปอดมากกว่าปกติ ซึ่งหากเกิดความผิดปกติมากขึ้นก็จะทำให้ผู้ป่วยถุงลมโป่งพองมีอาการผิดปกติ คือมีอาการหายใจตื้น

ถุงลมโป่งพอง

โดยสถานการณ์ปัจจุบันของถุงลมโป่งพองในประเทศไทย มีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับเช่นเดียวกันกับทั่วโลก และเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตลำดับต้น ๆ ของประชากรไทย จึงเป็นโรคที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศไทยอีกโรคหนึ่ง

นอกจากนั้น ยังพบว่าในจำนวนของผู้ที่สูบบุหรี่ 10 ล้านคน จะมีผู้ป่วยถุงลมโป่งพองกว่า 1 ล้านคน และมีจำนวน 3 แสนคนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมีผู้ป่วยที่อาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตประมาณปีละ 15,000 คน

อาการของถุงลมโป่งพอง

อาการหลักของถุงลมโป่งพอง คือ มีอาการหายใจตื้นและไอ และผู้ป่วยบางรายที่เป็นถุงลมโป่งพองมักไม่รู้ตัวว่าเป็นมานานแล้ว เพราะอาการจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปและทำให้ผู้ป่วยไม่สังเกตเห็นอาการใด ๆ

นอกจากนั้น ผู้ป่วยมักหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้หายใจตื้น ซึ่งอาการนี้ไม่ได้สร้างปัญหามากหากไม่ส่งผลกระทบหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่หากมีอาการที่รุนแรงขึ้น จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการหายใจตื้นแม้ไม่ได้ทำกิจกรรมใด ๆ

อาการอื่น ๆ ของโรคถุงลมโป่งพอง ได้แก่

นอกจากนั้น ในบางรายอาจพบว่ามีริมฝีปากหรือเล็บเป็นสีคล้ำออกม่วงเทาหรือฟ้าเข้มเนื่องจากขาดออกซิเจน หรือหากมีอาการหายใจตื้นเป็นเวลานานหลายเดือนและมีอาการที่แย่ลงหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ทันที

สาเหตุของถุงลมโป่งพอง

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดถุงลมโป่งพอง คือการสูบบุหรี่ โดยแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าการสูบบุหรี่ทำลายถุงลมในปอดได้อย่างไร แต่จากการศึกษาพบว่าผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นถุงลมโป่งพองมากกว่าคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่มากถึง 6 เท่า

นอกจากนั้น สาเหตุหลักของถุงลมโป่งพอง คือการสัมผัสหรือได้รับกับสิ่งกระตุ้นจากทางอากาศอย่างต่อเนื่องยาวนาน ได้แก่

  • การสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดถุงลมโป่งพอง
  • มลพิษในอากาศ การหายใจเอามลพิษในอากาศ เช่น ควันจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ไอเสียรถยนต์ จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดถุงลมโป่งพอง
  • ควันพิษหรือสารเคมีจากโรงงาน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละอองหรือควันพิษที่มีส่วนประกอบของสารเคมีหรือฝุ่นละอองจากไม้ ฝ้าย หรือการทำเหมืองแร่ หากหายใจเข้าไปแล้วก็มีโอกาสเสี่ยงที่ทำให้เกิดถุงลมโป่งพองได้มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสมากขึ้นไปอีกหากเป็นผู้ที่สูบบุหรี่
  • ถุงลมโป่งพองจากการขาดอัลฟ่า-1 (Alpha-1-Antitrypsin Deficiency Emphysema) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากการขาดโปรตีนชนิดหนึ่ง เมื่อร่างกายพร่องเอนไซม์ Alpha-1-Antitrypsin จะส่งผลให้ถุงลมที่ปอดถูกทำลาย เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดถุงลมโป่งพอง แต่พบได้น้อยมาก

การวินิจฉัยถุงลมโป่งพอง

แพทย์จะเริ่มจากการถามประวัติทางการแพทย์และความเป็นมาต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่หรือผู้ทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต้องเจอกับมลภาวะหรือควันพิษ และแพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม ได้แก่

  • การเอกซเรย์หรือการตรวจ CT Scan
  • การตรวจเลือดเพื่อดูปริมาณออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด
  • ตรวจด้วยเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด (Pulse Oximetry)
  • ตรวจสอบการทำงานหรือสมรรถภาพของปอด โดยการให้เป่าเครื่องสไปโรมิเตอร์ (Spirometer) เพื่อวัดปริมาตรอากาศที่เข้าและออกจากปอด
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เป็นการตรวจการทำงานของหัวใจและตรวจหาโรคหัวใจ เพื่อให้แน่ใจว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจ

การรักษาถุงลมโป่งพอง

เนื่องจากถุงลมโป่งพองเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น การรักษาจะเน้นไปที่การลดอาการหรือชะลอการดำเนินของโรค

การรักษาด้วยยา

  • ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators) มีกลไกการออกฤทธิ์ลดการหดเกร็งกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยยาจะมีอยู่ 2 ชนิด คือ Beta Agonists และ Anticholinergics
  • ยาสเตียรอยด์ เป็นยาที่ใช้ลดการอักเสบในปอด ซึ่งยาจะมีทั้งรูปแบบของยารับประทาน ยาให้ทางหลอดเลือด หรือยาพ่น
  • ยาฟอสโฟไดเอสเทอเรส-4 อินฮิบิเตอร์ (Phosphodiesterase-4 Inhibitor) เป็นยารับประทานที่ช่วยต้านการอักเสบ ที่สามารถลดโอกาสกำเริบของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่รุนแรง
  • ยาปฏิชีวนะ ใช้เพื่อต่อต้านการติดเชื้ออันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อาการถุงลมโป่งพองแย่ลง หรือนำมาใช้เพื่อรักษาการกำเริบของโรคในกรณีที่มีภาวะติดเชื้อแบคทีเรีย

การฉีดวัคซีน เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ควรจะได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่หรือปอดอักเสบทุกปี และการได้รับวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดการติดเชื้อในปอดที่รุนแรงได้

การบำบัด

  • การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด หรือการออกกำลังกายที่ความหนักระดับปานกลาง เช่น การเดิน จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจมีความแข็งแรงยิ่งขึ้นและยังช่วยบรรเทาอาการให้ลดลง ซึ่งจะทำให้สามารถหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเล่นโยคะ ไทชิ และการฝึกหายใจลึก ๆ ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการได้ดี
  • ดูแลเรื่องโภชนาการ ผู้ป่วยถุงลมโป่งพองที่มีอาการมากหรือเป็นมานาน จะมีน้ำหนักตัวลดลง ทำให้แรงหรือกำลังที่ใช้ในการหายใจลดลง จำเป็นต้องได้รับการดูแลเรื่องโภชนาการเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กลับเข้าสู่เกณฑ์ปกติ
  • การบำบัดด้วยออกซิเจน เป็นวิธีบำบัดที่ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำขณะออกกำลังกายให้สามารถออกกำลังกายได้นานยิ่งขึ้น
  • การบำบัดด้วยการทดแทนอัลฟา-1 (Alpha-1 Replacement Therapy) เป็นวิธีที่จะใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีการขาดอัลฟ่า-1 โดยการให้อัลฟ่า-1 ทดแทน ซึ่งจะฉีดเข้าทางหลอดเลือด

การผ่าตัด เพื่อนำชิ้นส่วนของปอดที่ได้รับความเสียหายออก หรือทำการปลูกถ่ายปอด แต่จะพบได้น้อย เพราะเป็นวิธีที่จะใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากเท่านั้น

การปรับพฤติกรรมในการใช้ชีวิต

  • เลิกสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ปอดเกิดการระคายเคือง เช่น ฝุ่น ควันพิษ น้ำหอม หรือล้างเครื่องปรับอากาศให้สะอาดอยู่เสมอ
  • หลีกเลี่ยงและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ได้แก่ การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และปอดบวม หรือการสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่

ภาวะแทรกซ้อนของถุงลมโป่งพอง

ผู้ป่วยถุงลมโป่งพองมีโอกาสที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • ภาวะที่โพรงเยื่อหุ้มปอดมีอากาศ (Pneumothorax) เป็นภาวะที่สามารถเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ในรายที่มีอาการรุนแรง เพราะการทำงานของปอดได้ถูกทำลายไปบ้างแล้ว
  • การติดเชื้อที่ปอด ทำให้เกิดปอดบวม
  • เกิดถุงลมที่พองตัวผิดปกติ (Giant Bullae) สามารถพองตัวใหญ่ได้ประมาณครึ่งหนึ่งของปอด และเพิ่มโอกาสทำให้ปอดแตกได้ (Pneumothorax)
  • มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ถุงลมโป่งพองสามารถเพิ่มความดันโลหิตของหลอดเลือดที่ไหลกลับเข้าสู่หัวใจ ซึ่งสามารถทำให้เกิดภาวะหัวใจห้องขวาล้มเหลว

รวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่เกิดขึ้นกับปอด คือ การติดเชื้อที่ปอด (ปอดปวม) หรือมะเร็งปอด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

การป้องกันถุงลมโป่งพอง

ถุงลมโป่งพองมีสาเหตุหลักมาจากการสูบบุหรี่ ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดคือการเลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงหรือสวมหน้ากากป้องกันตัวเองจากควันและสารพิษที่เป็นอันตราย

การตรวจพบโรคได้อย่างทันท่วงทีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในรายที่ปอดและหัวใจได้รับความเสียหายอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้