ถามแพทย์

  • เจาะหูวันที่ 1 ธ.ค. แล้วมีอาการบวม เจ็บ เกิดจากการอักเสบ ติดเชื้อ หรือเป็นคีลอยด์ แก้ไขอย่างไร

  •  syy125
    สมาชิก
    พอดีพึ่งไปเจาะหูมาเมื่อวันที่1ธันวาค่ะ เป็นร้านที่สะอาดเคยเจาะมาแล้วครั้งนึงค่ะ ครั้งนั้นที่เจาะ เจาะ2รูบริเวณติ่งหู แผลช่วงแรกมีอาการช้ำ(ทางร้านบอกว่าช้ำจากการเจาะ) และมีอาการบวมนิดหน่อยค่ะ ซึ่งภายหลังก็หายเป็นปกติดี แต่ที่ไปเจาะมาใหม่(แผลปัจจุบัน)เจาะบริเวณกระดูกอ่อน หลังเจาะก็มีอาการบวมขึ้นมานิดหน่อย เมื่อจับแล้วจะรู้สึกเจ็บ อยากทราบว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการเบื้องต้นของการอักเสบ,ติดเชื้อ หรือเป็นอาการของคีลอยด์คะ และควรจะรีบทานยาแก้อักเสบไหม หรือควรแก้ไขปัญหาเบื้องต้น(ทายา,ทานยา,ปรับอาหารการกิน) อย่างไรดีคะ (เพิ่มเติมคือคนที่บ้านแจ้งว่าเป็นคนที่ค่อนข้างนอนดิ้นและหลับลึกมากๆทำให้นอนทับหูหลายครั้งแต่ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ได้นอนทับค่ะ ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าบวมเพราะนอนทับหูด้วยหรือเปล่า) สุดท้ายนี้ถ้าหากควรทานยาแก้อักเสบ รบกวนคุณหมอแนะนำยี่ห้อให้ด้วยได้ไหมคะหรือควรถามคุณเภสัชที่ร้านขายยาจะดีกว่าคะ🙇🏻‍♀️

    สวัสดีค่ะ คุณ syy125,

                         การเจาะหูบริเวณกระดูกอ่อนในวันที่ 1 ธ.ค. หากหลังจากนั้นมีอาการบวมและเจ็บขึ้นมา ก็แสดงว่าน่าจะเกิดการอักเสบติดเชื้อเกิดขึ้น แนะนำควรถอดตุ้มหูที่ใส่ออกก่อน และรักษาอาการอักเสบให้หาย หากยังใส่ตุ้มหูอยู่ การหายของแผลก็จะช้าหรืออาจไม่หาย และลุกลามมากขึ้นได้ ดังนั้น ก็ควรถอดตุ้มหูออก และใช้สำลีสะอาดชุบน้ำเกลือสำหรับเช็ดล้างแผล มาเช็ดทำความสะอาด และใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น โพวิโดน ไอโอดีน เป็นต้น ทำทุกวันจนกว่าจะหายจากอาการบวมและเจ็บ จึงค่อยใส่ตุ้มหูใหม่ค่ะ ส่วนยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ (หรือยาแก้อักเสบที่เรียกกัน) อาจยังไม่จำเป็นต้องรีบทานค่ะ แต่หากอาการบวมเป็นมากขึ้น มีปวด เจ็บมากขึ้น มีหนองไหลออกมา ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ดูแลแผลให้ และทานยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อค่ะ

                   ทั้งนี้ ตุ้มหูที่ใช้ ควรเลือกชนิดของตุ้มหูที่เป็นโลหะที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ เช่น ทอง เป็นต้น รวมถึงควรเช็ดทำความสะอาดตุ้มหูที่ใส่บ่อยๆค่ะ

                    สำหรับอาหาร ในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่มีอาหารที่เป็นข้อห้ามในการทานเป็นพิเศษค่ะ อาหารที่มีประโยชน์สามารถทานได้ทุกอย่าง

                    ส่วนคีลอยด์นั้น คือแผลเป็นชนิดนูนหนา ซึ่งจะยังไม่ได้เกิดขึ้นทันทีหลังจากการมีบาดแผลค่ะ โดยจะเกิดหลังจากการมีแผลไปแล้วหลายเดือน ซึ่งหากเคยมีคีลอยด์ที่บริเวณอื่นอยู่ ก็จะมีโอกาสเกิดได้ แต่หากไม่มีคีลอยด์ที่บริเวณอื่น ก็ไม่น่าเกิดขึ้นค่ะ