กินยาคุมไป 10 วันแล้วหยุดกิน 7 วันต่อมามีเลือดออก แล้ววันที่ 7 พ.ค.มีเลือดไหลอีก ใช่ประจำเดือนไม และมีเจ็บตา

สวัสดีค่ะ คุณ utahz,

                   หากได้เริ่มทานยาคุมกำเนิดในวันที่ 3 ของการมีประจำเดือน ยาคุมกำเนิดก็จะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที แต่หากทานไปเพียง 10 วัน แล้วหยุดทาน หลังจากนั้น ฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็จะหมดลงในทันที ส่วนเลือดที่ออกหลังจากหยุดทานยาไปแล้ว 7 วัน ก็เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกจากการขาดการกระตุ้นจากฮอร์โมนของยาคุม ซึ่งหากออกมา 3 วัน ก็ถือว่าไม่ได้ผิดปกติอะไร

                   และต่อมา ในวันที่ 7 พ.ค. ได้มีเลือดออกมานาน 3 วัน เลือดดังกล่าวก็น่าจะเป็นประจำเดือนค่ะ และแสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น แต่หากไม่มั่นใจ ก็อาจลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดูก็ได้ค่ะ

                    สำหรับอาการเจ็บตา แสบตา อาจเกิดจาก

                    - เยื่อบุตาอักเสบจากอาการแพ้ หรือภูมิแพ้ขึ้นตา 

                    - เยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อหรือโรคตาแดง 

                    - ตากุ้งยิง 

                     เป็นต้น

                    ในเบื้องต้น ให้หลีกเลี่ยงขยี้ตา งดใส่คอนแทคเลนส์ (หากใช้อยู่) งดการใช้เครื่องสำอางบริเวณดวงตา หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจแพ้ตางๆ งดการการใช้สายตาเพ่งมองนานๆ เช่น มองคอมพิวเตอร์ มือถือ หลีกเลี่ยงการมองแสงจ้า ใช้ประคบอุ่นที่ดวงตา โดยใช้ผ้าสะอาดแช่ในน้ำร้อน และนำมาโปะบริเวณดวงตา ทำนานประมาณ 10-15 นาที วันละ 3 -4 ครั้ง และนวดเบาๆ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือมีตุ่มหนองเกิดขึ้น ก็ควรพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ