ถามแพทย์

  • อายุ 21ปี รอบประจำเดือนเกิน 50 วัน ไปหาหมอได้ยาปรับฮอร์โมน กินแล้วมีประจำเดือนมา แต่พอไม่ได้ทาน ประจำเดือนก็ไม่มา ทำอย่างไร

  •  Wathinee Bunprakob
    สมาชิก
    อายุ21ปี รอบประจำเดือนเกิน50วันตลอดเลยค่ะ เคยไปพบแพทย์มา2ครั้ง ทั้ง2ครั้งได้ยาปรับฮอร์โมน (ครั้งแรกได้ยา Primolute-N ครั้งที่สองได้ยา Medroxyprogesterone) ทั้ง2ตัวกินยา5วันแล้วมีประจำเดือนมาค่ะ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มาเลย ควรทำอย่างไรคะ หรือซื้อยาคุมมาทานเองได้มั้ยคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Wathinee Bunprakob,

                           การที่มีระยะห่างระหว่างรอบเดือนที่นาน 50 วัน ถือว่ามีระยะห่างที่นานกว่าปกติ โดยสาเหตุอาจเกิดจาก

                         - การมีโรคอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีเซลล์ไขมันจำนวนมาก ซึ่งเซลล์ไขมันสามารถสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ในปริมาณเล็กน้อย เมื่อมีปริมาณมากเกิน จึงกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศที่ปกติได้

                         - การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ เช่น มีภาวะมีถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีรูปร่างอ้วน ผิวมัน มีสิว ขนดกมากกว่าผู้หญิงทั่วไป

                         - มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ

                         - มีพังผืดในโพรงมดลูก จากการเคยมีมดลูกอักเสบหรือเคยขูดมดลูก แต่เมื่อทานยาปรับฮอร์โมน ก็ไม่น่าทำให้มีประจำเดือนได้

                          - มีเนื้องอกของต่อมใต้สมอง แต่จะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ มองเห็นภาพซ้อน มีน้ำนมไหล เป็นต้น

                          หากได้ไปพบแพทย์ และได้ตรวจแล้ว พบว่าไม่ได้มีโรคต่างๆ คือไม่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ ไม่มีภาวะถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ ไม่ได้มีเนื้องอกของต่อมใต้สมอง ไม่ได้มีโรคอ้วน ก็แสดงว่าน่าจะเกิดจากการผลิตฮอร์โมนของรังไข่ที่ผิดปกติ ซึ่งหากได้ทานยาปรับฮอร์โมน แล้วมีประจำเดือนมา ก็แสดงว่ามดลูกยังเป็นปกติดี ดังนั้น หากต้องทานเปลี่ยนมาทานยาคุมกำเนิดรักษาแทน ก็สามารถทำได้ ซึ่งก็จะช่วยให้มีประจำเดือนมาทุกเดือนได้ค่ะ แต่ต้องไม่มีข้อห้ามในการใช้ยา เช่น มีโรความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ มีปวดศีรษะไมเกรนชนิดรุนแรง มีโรคตับเรื้อรัง โรคลิ่มเลือดอุดตัน ป็นมะเร็งเต้านมหรือเคยเป็นมาก่อน เป็นต้น