ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ 8-9 มี.ค. ใส่ถุงยางบ้าง หลั่งนอกบ้าง ต่อมามีอาการต่างๆ จะท้องไหม

  • คือผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเมื่อวันที่ 8ตอนค่ำครั้งแรกผมใส่ถุงยางอานามัย ครั้งที่2ผมก็ใส่ถุงยางแต่ไม่ได้หลั่งเพราะเหนื่อยล้า แล้วผมก็ไปเข้าห้องน้ำปัสสาวะ แล้วก็มานอนพักได้ประมาณ1ชม. แล้วผมก็มีเพศสัมพันธ์กับแนอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ได้ใส่ถุงยางแต่หลั่งนอกครับจากนั้นผมกับแฟนก็นอนแล้วตอนเช้าของวันที่9 ประมาณ 07.00 ผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนอีกครั่งหนึ่งใส่ถุงยางอนามัย#แต่ผมได้ถอดถุงยางออกแล้วมี เพศสัมพันธ์ต่อ แต่หลั่งนอกครับ ผมไม่ได้ให้แฟนผมกินยาคุมฉุกเฉิน พอมาวันที่ 15 มีนาคม 2563 แฟนมีอากาศเจ็บหน้าอก นมมีอาการคัดตึง แล้วเจ็บมากจนมาถึงตอนนี้ยังไม่หายเจ็บเลยครับ แล้วเมื่อวันที่27 มีนาคม 2563 แฟนผมมีอาการ ปวดท้องบริเวณสะดือครับ วันต่อมาหน้าท้องตรงสะดื้อมันเกรงๆทำให้นอนไม่หลับ #เดือนที่แล้วแฟนผมเป็นประจำเดือนวันทีา 29 ก.พ.2563ครับ คืออาการแบบนี้ผมไปหาดูทางอินเตอร์เน็ต ลักษณะเหมือนกับคนกำลังตั้งครรภ์เลยครับ อาการแบบนี้แฟนผมจะท้องไหมครับ เพราะแฟนผมยังไม่พร้อมแล้วอายุยังน้อยครับ
    เพิ่มเติมด้วยนะครับ คือประจำเดือนของแฟนผมยังไม่มาด้วยครับตอนนี้

    สวัสดีค่ะ คุณ นัท' มันร้ายยย,

                          การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 8 มี.ค. และ 9 มี.ค.หากใช้ถุงยางอนามัย จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2%-18% ส่วนการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้วิธีการหลั่งนอก ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่า คือประมาณ 4%-22% 

                           สำหรับอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 15 มี.ค. คือเจ็บหน้าอก เต้านมคัดตึงนั้น ไม่ใช่อาการของการตั้งครรภ์ เพราะอาการของการตั้งครรภ์จะไม่ได้เกิดขึ้นเร็วภายใน 6-7 วัน หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปค่ะ เพราะโดยปกติ อาการต่างๆ ของการตั้งครรภ์จะเกิดตามหลังอาการขาดประจำเดือนไปแล้ว

                           สำหรับอาการปวดท้องบริเวณสะดือ ก็ไม่น่าใช่อาการของการตั้งครรภ์ เพราะเกิดขึ้นเร็วไปเช่นกัน โดยอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น เป็นอาการก่อนการมีประจำเดือนมา กระเพาะอาหารอักเสบ อาการปวดท้องของไส้ติ่งอักเสบในช่วงแรก หรืออาจเกิดจากการมีความเครียด วิตกกังวลก็ได้

                          ทั้งนี้ หากประจำเดือนในรอบก่อน มาวันที่ 29 ก.พ. แนะนำควรรอดูประจำเดือนไปอีกซัก 2-3 วันก่อน หากประจำเดือนไม่มา ก็ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูค่ะ                 

                          แต่หากมีประจำเดือนมา ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น และหลังจากนี้ หากจะมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ และยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์ ก็ควรใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าถุงยางอนามัย และไม่ควรใช้วิธีการหลั่งนอก ซึ่งวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด เป็นต้น โดยให้เริ่มใช้ยาภายใน 1-5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ยาคุมหรือยาฉีด ก็จะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีค่ะ