ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์ ใส่ถุงยาง กินยาคุมฉุกเฉิน 5 วันต่อมามีเลือดออก แล้วมีอาการต่างๆ จะท้องไหม

  •  bunbunnyz
    สมาชิก

    มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกหลังประจำเดือนหมด1วันคือวันที่6/10/63 โดยมือเปื้อนอสุจิไม่มากแต่ล้างออกด้วยน้ำเปล่า และผ่านไปประมาณ20นาทีมีการใช้นิ้วสอดใส่เข้าไป หลังจากนั้นมีเพศสัมพันธ์โดยใส่ถุงยางอนามัยตอนเสร็จเช็คแล้วแต่ไม่มั่นใจเลยให้แฟนกินยาคุมฉุกเฉิน ประมาณ5วันถัดมามีตกขาวนิดหน่อยแล้วเลือดออก1วันแล้วเริ่มเครียด 7วันถัดมาแฟนรู้สึกท้องอืดเรอบ่อยทำให้เครียดมากขึ้น จนเมื่อวันที่27เป็นช่วงสอบรู้สึกเวียนหัวปวดตาทำให้กังวลเข้าไปอีก แล้วเมื่อวานปวดท้องอึบ่อย จนวันนี้แฟนบอกรู้สึกเหมือนท้องแข็งๆ ทำให้เครียดมากครับว่าจะท้องหรือป่าว ปกติประจำเดือนมาประมาณสิ้นเดือนกับต้นเดือนครับ จะท้องไหมครับกังวลมาก

    สวัสดีค่ะ คุณ bunbunnyz,

                          หากนับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา จนถึงวันที่มีเพศสัมพันธ์ หากนับได้ไม่เกิน 7 วัน ถือว่ายังอยู่ในระยะปลอดภัย โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นมีน้อยมาก คือน้อยกว่า 1% แม้จะไม่ใส่ถุงยางอนามัยก็ตาม และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉินไป

                        แต่หากเลย 7 วันไปแล้ว โอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นมีได้ โดยหากใช้ถุงยางอนามัย ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 2%-18% ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉินไปก็ได้ แต่หากได้ทานยาคุมฉุกเฉินไปภายในไม่เกิน 12 ชั่วโมงหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ ยาคุมฉุกเฉินก็จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 95%

                         สำหรับเลือดที่ออกหลังจากทานยาคุมฉุกเฉินไป 5 วัน น่าจะเป็นเลือดที่เกิดจากผลของยาคุมฉุกเฉินค่ะ ซึ่งหากหยุดไหลไปแล้ว ก็ไม่ได้อันตรายอะไร

                         สำหรับอาการท้องอืด เรอบ่อย เวียนหัว ปวดตา ปวดท้อง น่าจะเกิดจากความเครียดที่มีอยู่ได้ ไม่ใช่อาการของการตั้งครรภ์ เพราะอาการของการตั้งครรภ์ มักจะปรากฏหลังจากที่มีอาการขาดประจำเดือนไปแล้ว 2 สัปดาห์เป็นต้นไป  จะไม่ได้ปรากฏเร็วก่อนที่จะมีอาการขาดประจำเดือนค่ะ

                         หากกังวลและเครียด ก็อาจลองตรวจหาการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากตรวจไม่พบ ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ

                         ทั้งนี้ การทานยาคุมฉุกเฉิน อาจทำให้ประจำเดือนในรอบต่อไป มาช้าได้ค่ะ