ถามแพทย์

  • มีโรค SLE ประจำตัว กินยาคุมกำเนิดไปได้ 14 วัน มีเลือดออก เจ็บหน้าอก หน่วงท้องน้อย ต้องทำยังไง

  •  padtama
    สมาชิก
    อยากทราบว่า การมีประจำเดือนระหว่างการกินยาคุม คือกินยาคุมไปได้แค่14วัน แต่มีประจำเดือนมา เป็นเพราะอะไรค่ะ และมีโรคประจำตัวตัวด้วยค่ะ เป็น SLE แต่ก่อนเริ่มกินยาแผงนี้ก็เริ่มกินหลังจากหมดประจำเดือนประมาน2ค่ะ แบบนี้คือต้องเลิกกินอล้วรอให้ประจำเดือนหมดก่อน หรือว่าต้องกินต่อค่ะ จนหมดแผง อาการก็เจ็บหน้าอก หน่วงท้องน้อย แบบเดียวกับการเป็นประจำเดือนเรยค่ะ แบบนี้ต้องทำไงค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ padtama,

                           หากโรคประจำตัวที่เป็นอยู่คือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง SLE  หากโรคอยู่ในระยะสงบ ไม่มีอาการใดๆ กำเริบอยู่ สามารถที่จะทานยาคุมกำเนิดได้ แต่ควรเลือกชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ 

                           แต่หากยังมีอาการของโรคกำเริบเป็นระยะๆ หรือมีภาวะ anti-phospholipid  syndrome ร่วมด้วย ไม่แนะนำให้ทานยาคุมกำเนิด เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน คือการเกิดหลอดเลือดดำอุดตัน

                            ส่วนการที่ทานยาคุมกำเนิดไปได้ 14 วันแล้วมีเลือดออกมานั้น น่าจะเป็นผลข้างเคียงการทานยาคุมกำเนิดที่สามารถพบได้ รวมถึงอาการเจ็บหน้าอก และปวดท้องน้อย หากเลือดที่ออกมีปริมาณไม่มา และปวดท้องน้อยไม่รุนแรง แนะนำให้ทานยาคุมกำเนิดต่อไปได้ เนื่องจากอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ลดน้อยลงไปเอง แต่หากเลือดที่ออกมีปริมาณมาก หรือมีปวดท้องน้อยมาก แนะนำควรหยุดทานยาคุมกำเนิด และไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุค่ะ