ฉี่มีกลิ่น 7 สาเหตุที่ควรรู้และวิธีการรับมืออย่างเหมาะสม

ฉี่มีกลิ่นหรือปัสสาวะมีกลิ่นเป็นเรื่องปกติ เพราะปัสสาวะของคนเรามักมีกลิ่นฉุนเล็กน้อยอยู่แล้ว แต่ในบางกรณีหากฉี่มีกลิ่นเหม็นมากผิดปกติ อาจมีปัจจัยมาจากการดื่มน้ำน้อย การรับประทานอาหารหรือยาบางอย่างที่ทำให้ฉี่มีกลิ่น รวมถึงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ควรระวังด้วยเช่นกัน

โดยปกติ ฉี่หรือปัสสาวะจะมีสีเหลืองใสและมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย แต่หาปัสสาวะของคุณมีกลิ่น สี ลักษณะความเหนียวข้น หรือปริมาณที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ควรละเลย คุณควรหาสาเหตุของการเกิดอาการที่แน่ชัดและลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ฉี่กลับมามีลักษณะเป็นปกติ หรืออาจไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาสาเหตุของอาการอย่างเหมาะสม

ฉี่มีกลิ่น

เช็ก 7 สาเหตุที่อาจทำให้ฉี่มีกลิ่น

ฉี่หรือปัสสาวะที่มีกลิ่นเหม็นหรือฉุนมากผิดปกติอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

1. การดื่มน้ำน้อย 

เมื่อดื่มน้ำน้อยกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ คือปัสสาวะมีสีขุ่นข้น มีสีเหลืองเข้ม และมีกลิ่นฉุนมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นกลิ่นของของเสียที่ถูกกรองออกมาจากร่างกาย นอกจากนี้อาจมีอาการเหนื่อยล้า ปากแห้ง หรือกระหายน้ำร่วมด้วย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและสามารถแก้ไขได้ด้วยการดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้น

2. การรับประทานอาหารบางอย่าง 

อาหารหลายชนิดสามารถส่งผลต่อกลิ่นของปัสสาวะ และทำให้มีกลิ่นฉุนมากกว่าปกติได้ โดยเฉพาะอาหารจำพวกชะอม สะตอ หน่อไม้ดอง หน่อไม้ฝรั่ง หัวหอม กระเทียม รวมถึงเครื่องเทศบางอย่าง นอกจากนี้ เครื่องดื่มอย่างกาแฟหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็สามารถทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นได้เช่นกัน

3. การใช้ยาบางชนิด

การที่ฉี่มีกลิ่นอาจเป็นผลมาจากยารักษาโรคหรือปัญหาสุขภาพบางอย่างที่กำลังใช้อยู่ เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาปฏิชีวนะเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ยาปฏิชีวนะกลุ่มยาซัลฟา (Sulfonamides) เช่น ยาซัลฟาซาลาซีน (Sulfasalazine) ยารักษาโรคเบาหวานอย่างยาไกลบูไรด์ (Glyburide) รวมถึงวิตามินบี 1 หรือไทอามีน (Thiamine) และโคลีน (Choline) สามารถทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นได้เช่นกัน

4. การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียจากการใช้ห้องน้ำสาธารณะ หรือการรักษาความสะอาดหลังจากปัสสาวะที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียภายในท่อปัสสาวะหรือกระเพาะปัสสาวะ โดยปัสสาวะจะมีกลิ่นฉุนคล้ายกับแอมโมเนีย และมักจะเกิดอาการปวดปัสสาวะบ่อย รู้สึกแสบขัดขณะปัสสาวะ และปัสสาวะมีสีขุ่นข้นหรือมีเลือดปนด้วย

5. โรคเบาหวาน

ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักจะมีกลิ่นปัสสาวะที่ออกหอมหวานคล้ายกับผลไม้ เนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจขับน้ำตาลส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะ รวมถึงอาจมีอาการปวดปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ หรือรู้สึกเหนื่อยร่วมด้ว นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างภาวะเลือดเป็นกรด (Diabetic Ketoacidosis) สามารถมีกลิ่นฉี่ที่ออกหวานคล้ายผลไม้ด้วยเช่นกัน

6. การตกไข่และการตั้งครรภ์

ในช่วงรอบเดือนของเพศหญิงจะมีช่วงที่เกิดการตกไข่เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการปฏิสนธิ เพศหญิงจะมีการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้การรับรู้กลิ่นเพิ่มมากขึ้น และอาจได้กลิ่นของปัสสาวะที่ฉุนมากกว่าปกติ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเมื่อเพศหญิงเกิดการตั้งครรภ์ ซึ่งจะทำให้การรับรู้กลิ่นจะไวขึ้นและได้กลิ่นปัสสาวะที่ฉุนมากกว่าปกติด้วย

7. ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ 

ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ สามารถส่งผลให้ปัสสาวะมีกลิ่นที่เหม็นผิดปกติได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างการเกิดโรคหนองในเทียมหรือโรคไทรโคโมนิอาสิส (Trichomoniasis) การเกิดนิ่วในไต รวมถึงการที่ตับและไตที่มีหน้าที่กรองของเสียทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพด้วย

วิธีรับมือเบื้องต้นที่ได้ผลเมื่อเกิดปัญหาฉี่มีกลิ่น

สำหรับผู้ที่ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ อาจลองเปลี่ยนพฤติกรรมดังต่อไปนี้เพื่อช่วยบรรเทาอาการ

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยควรจิบน้ำตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนหรือในวันที่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่อาจทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น เช่น ชะอม สะตอ หน่อไม้ดอง หน่อไม้ฝรั่ง หัวหอม กระเทียม กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ไม่ควรอั้นปัสสาวะ เพราะจะทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นขึ้นจนเกิดกลิ่นฉุน และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะด้วย
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่น หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม หรือผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง 
  • อาจปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนยาที่ใช้รักษาโรค หากยาทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นมากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม หากปัสสาวะมีกลิ่นเหม็นมากผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เกิดขึ้น เช่น ปัสสาวะมีสีขุ่นข้น ปัสสาวะมีเลือดปน หรือรู้สึกแสบขัดเมื่อปัสสาวะ ร่วมกับมีอาการไข้ หนาวสั่น หรือปวดหลัง ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม