คู่มือเลือกของใช้เด็กอ่อนให้ปลอดภัย คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งาน

เด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดเป็นช่วงวัยที่บอบบางและเจ็บป่วยง่าย การจะเลือกซื้อของใช้เด็กอ่อนสักชิ้น พ่อแม่จึงจำเป็นต้องหาข้อมูลและใส่ใจในการเลือกให้มากเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย และแม้ว่าของใช้เด็กอ่อนบางชนิดจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพ แต่ก็อาจทำให้ทารกรู้สึกไม่สบายตัวและงอแงได้เช่นกัน

วิธีในการเลือกของใช้เด็กอ่อนสำหรับพ่อแม่ โดยเฉพาะพ่อแม่มือใหม่นั้นไม่ยากอย่างที่คิด สิ่งแรกที่พ่อแม่ควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อของใช้ให้เจ้าตัวน้อย คือความปลอดภัย ซึ่งนอกจากความปลอดภัยแล้ว ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่องที่พ่อแม่ควรรู้เพื่อความคุ้มค่าในการใช้จ่ายและความเหมาะสมต่อการใช้งาน

คู่มือเลือกของใช้เด็กอ่อนให้ปลอดภัย คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งาน

เลือกของใช้เด็กอ่อนอย่างไรดี?

วิธีเลือกของใช้ต่อไปนี้อาจช่วยให้พ่อแม่เลือกซื้อของใช้เด็กอ่อนที่ปลอดภัยต่อลูกน้อยและคุ้มค่ามากขึ้น

1. ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ

อย่างที่ได้บอกไปว่าเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดนั้นไวต่อสิ่งต่าง ๆ รอบตัว แม้การใช้สบู่อ่อน ๆ ก็อาจทำให้ผิวของทารกระคายเคืองได้

ดังนั้น การจะให้ทารกเติบโตมาอย่างแข็งแรงและมีความสุข พ่อแม่จำเป็นต้องเลือกของใช้ที่ออกแบบมาสำหรับทารกแรกเกิดหรือเด็กอ่อนเพื่อลดความเสี่ยงของอาการแพ้และระคายเคือง ซึ่งพ่อแม่ควรปรึกษาแพทย์ถึงวิธีในการเลือกที่ถูกต้อง

สำหรับของใช้ในกลุ่มคาร์ซีท (Car Seat) รถเข็นเด็ก และเป้อุ้มเด็ก พ่อแม่ควรปรึกษาผู้ขาย เพราะเด็กอ่อนอยู่ในช่วงวัยที่กระดูกและกล้ามเนื้อยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ อุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต้องมีโครงสร้างที่คอยช่วยพยุงร่างกายของทารกให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้ทารกเติบโตอย่างเป็นปกติ

นอกจากนี้ต้องเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับช่วงวัย เพราะการใช้ของใช้บางชนิดที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเด็กอ่อนอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ตัวอย่างเช่น เคยมีการรายงานเกี่ยวกับการใช้เสื่อปูนอนชนิดพื้นนิ่มว่าเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคไหลตายในเด็กทารก (Sudden Infant Death Syndrome: SIDS)

หากพ่อแม่คนไหนอยากซื้อของเล่นให้กับลูกเพื่อเสริมพัฒนาการทารกควรเลือกของเล่นสำหรับเด็กอ่อนโดยเฉพาะ เพราะไม่มีสารเคมีอันตรายเจือปน มีขนาดใหญ่ ไม่มีข้อต่อ เพราะเด็กวัยนี้ชอบหยิบของเข้าปาก

หากเลือกของเล่นที่ไม่เหมาะสมกับวัยอาจทำให้ลูกน้อยได้รับสารพิษ หรือชิ้นส่วนของเล่นหลุดเข้าไปในจมูกและลำคอจนทำให้เกิดอันตรายได้ นอกจากการเลือกของใช้เด็กอ่อนที่ออกแบบมาเฉพาะเด็กช่วงวัยนี้แล้ว พ่อแม่ควรศึกษาวิธีใช้ที่ถูกต้อง และลองใช้ของใช้นั้น ๆ ก่อนนำมาใช้กับทารก

2. หาข้อมูลเกี่ยวกับของใช้ที่จำเป็น

ข้อนี้สำคัญมากสำหรับพ่อแม่มือใหม่ เพราะพ่อแม่ที่เคยผ่านการมีเจ้าตัวน้อยมาแล้วอาจพอรู้อยู่บ้างว่าช่วงแรกควรซื้อของใช้อะไร หรืออาจมีของใช้บางอย่างที่ยังสามารถใช้ได้อยู่ การหาข้อมูลเกี่ยวกับของใช้เด็กอ่อนที่จำเป็นจะช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย เพราะของใช้บางอย่างอาจมีราคาสูงหรือต้องซื้อหลายชิ้น หากซื้อโดยไม่วางแผนอาจทำให้เสียเงินโดยไม่จำเป็น และได้ของใช้กระจุกกระจิกที่อาจยังไม่ได้ใช้งานในเร็ว ๆ นี้

พ่อแม่ควรเขียนหรือลิสต์รายการของใช้เด็กอ่อนที่จำเป็นในเบื้องต้นก่อน เช่น เสื้อผ้า ผ้าอ้อม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ที่นอนเด็กอ่อน สบู่สำหรับเด็ก และน้ำยาซักเสื้อผ้าเด็กอ่อน เป็นต้น เมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มโตขึ้น พ่อแม่ก็ค่อย ๆ วางแผนซื้อของที่จำเป็นและของใช้กระจุกกระจิกอย่างอื่นเพิ่มเติมในแต่ละเดือน

3. ใส่ใจในรายละเอียด

นอกจากการเลือกของใช้เด็กอ่อนที่ออกแบบมาเพื่อเด็กอ่อนโดยเฉพาะแล้ว รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรใส่ใจเช่นเดียวกัน เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานจริง อย่างเนื้อผ้าของเสื้อผ้าที่นอกจากจะระบายอากาศได้ดีและไม่อับชื้นแล้ว ควรเลือกเนื้อผ้าที่ทารกใส่แล้วสบายตัวไม่ระคายเคืองผิวด้วย เพราะอาจทำให้ทารกร้องงอแงได้

4. เลือกซื้อของใช้ที่ช่วยประหยัดแรง

ปัจจุบันมีของใช้เด็กอ่อนที่ออกแบบมาเพื่อประหยัดแรงของพ่อแม่และช่วยให้เลี้ยงลูกได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจลดความเหนื่อยล้าจากการเลี้ยงเจ้าตัวน้อยและเหลือแรงไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น เช่น เครื่องนึ่งขวดนมที่ใช้แทนการต้มขวดนม หมอนรองให้นม (Feeding Pillow) และรถเข็นเด็ก เป็นต้น

บางอุปกรณ์อาจลดอาการปวดเมื่อยจากการอุ้ม อย่างเป้อุ้มเด็กแบบต่าง ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกระเป๋าที่มีสายสะพายหรือสายรัดช่วยพยุงหลังและไหล่จึงอาจลดอาการปวดจากการอุ้มได้ ทั้งยังช่วยให้ทารกอยู่ใกล้กับพ่อแม่โดยไม่ต้องใช้มืออุ้ม ทำให้สะดวกต่อการหยิบจับของหรือทำสิ่งต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น

หลักการเลือกของใช้เด็กอ่อนในข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลาย ๆ วิธี พ่อแม่แต่ละบ้านหรือแต่ละครอบครัวอาจมีวิธีการเลือกของใช้เด็กอ่อนด้วยวิธีอื่นด้วย แต่ก็สามารถนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้เพิ่มเติมได้ โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก สำหรับพ่อแม่ที่ไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีการเลือกของใช้ให้เจ้าตัวน้อย สามารถขอคำปรึกษากับแพทย์ได้เช่นกัน