เห็บ ผลกระทบต่อสุขภาพหลังถูกกัด และวิธีการรับมือ

เห็บ เป็นสัตว์ดูดเลือดและพาหะนำโรคที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ต่อทั้งมนุษย์และสัตว์เลี้ยง แม้โดยทั่วไปหากถูกเห็บกัดจะไม่เกิดอันตรายและไม่ปรากฏอาการเจ็บหรือคัน แต่ในบางกรณีก็อาจเกิดอาการแพ้ มีผื่นขึ้น เป็นแผลพุพอง หรือถึงขั้นหายใจติดขัดได้ ดังนั้น การตระหนักถึงอันตรายจากเห็บและเรียนรู้วิธีรับมือป้องกันในเบื้องต้นก็อาจช่วยลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้

1698 เห็บ rs

เห็บ เป็นอย่างไร ?

เห็บ เป็นปรสิตที่ใช้ปากกัดแล้วดูดเลือดสัตว์และมนุษย์เป็นอาหาร ซึ่งถูกพบมากกว่า 800 สายพันธุ์ทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่ เห็บอ่อน ซึ่งมีผนังลำตัวอ่อนย่นและนุ่ม และเห็บแข็ง ซึ่งมีลักษณะลำตัวเรียบและมีปากยื่นออกมาจากลำตัว ซึ่งกลุ่มเห็บแข็งเป็นสายพันธุ์ที่มักพบว่ากัดและดูดเลือดมนุษย์

นอกจากนี้ เห็บบางชนิดอาจเป็นพาหะแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสที่อาจก่อให้เกิดโรคที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ผ่านทางน้ำลาย เช่น โรคลายม์ (Lyme Disease) โรคไข้เห็บ (Ehrlichiosis) และโรคทูลาริเมีย (Tularemia) เป็นต้น แต่โรคเหล่านี้ไม่ค่อยถูกพบในประเทศไทยนัก

โดยปกติ เห็บมักชอบซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า พุ่มไม้ หรือต้นไม้ เพื่อรอเกาะติดไปกับสัตว์หรือมนุษย์ที่ผ่านไปบริเวณนั้น ๆ ซึ่งส่วนมากในไทย มนุษย์จะติดเห็บมาจากการเล่นหรือสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่มีเห็บ และเมื่อเห็บติดมาก็มักซ่อนอยู่ในบริเวณที่อุ่นและชื้นตามร่างกายมนุษย์ เช่น รักแร้ ขาหนีบ และเส้นผม เป็นต้น

โดนเห็บกัดจะเป็นอย่างไร ?

โดยส่วนใหญ่ คนมักไม่รู้สึกตัวเมื่อถูกเห็บกัดในช่วงแรก เพราะจะไม่ปรากฏอาการเจ็บหรือคันผิวหนังเหมือนตอนถูกสัตว์ชนิดอื่น ๆ อย่างยุงหรือมดกัด อีกทั้งเห็บยังมีขนาดตัวที่เล็กมาก จึงทำให้สังเกตเห็นได้ยาก แต่เมื่อถูกกัดไปสักระยะหนึ่งแล้ว เห็บจะเริ่มขยายตัวจนทำให้สังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น เพราะเห็บจะยังคงอยู่ในบริเวณผิวหนังที่กัด ไม่ได้หนีหายไปเหมือนสัตว์หรือแมลงอื่น ๆ และหากปล่อยไว้นานประมาณ 7-10 วันจนดูดเลือดเต็มที่แล้ว เห็บก็จะเลิกดูดเลือดและหลุดออกไปเอง

โดยปกติ การถูกเห็บกัดนั้นไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือมีอาการใด ๆ แต่สำหรับผู้ที่แพ้เห็บอาจแสดงอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น มีอาการบวม หรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ถูกกัด เป็นผื่น เป็นแผลพุพอง หายใจติดขัดในกรณีที่แพ้รุนแรง เป็นต้น ซึ่งเห็บบางชนิดก็อาจแพร่กระจายเชื้อโรคสู่มนุษย์ได้ทันทีที่กัด และโรคติดต่อจากเห็บอาจทำให้ผู้ป่วยปรากฏอาการต่าง ๆ แตกต่างกันไป โดยบางโรคอาจแสดงอาการหลังผ่านไป 2-3 วัน หรือนานเป็นสัปดาห์ตามแต่กรณี

ทั้งนี้ อาการที่อาจปรากฏขึ้นเมื่อเกิดโรคติดต่อจากเห็บ มีดังนี้

  • มีจุดสีแดงหรือมีผื่นขึ้นใกล้กับบริเวณที่ถูกกัด
  • มีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดข้อต่อกระดูกและกล้ามเนื้อ
  • คอเคล็ด
  • คลื่นไส้
  • อ่อนเพลีย
  • เป็นไข้ หนาวสั่น
  • ต่อมน้ำเหลืองบวม

หากปรากฏอาการดังข้างต้น รวมทั้งมีอาการแพ้หลังถูกกัดหรือหลังจากดึงตัวเห็บออกแล้ว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมทันที

วิธีกำจัดเห็บด้วยตนเอง

สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำเมื่อถูกเห็บกัด คือ กำจัดตัวเห็บออกไปทันทีที่พบ ตามวิธีดังต่อไปนี้

ก่อนนำตัวเห็บออก
ควรฉีดพ่นยากันแมลงที่มีส่วนประกอบของสารไพรีทริน (Pyrethrin) หรือสารไพรีทรอยด์ (Pyrethroids) ลงบนบริเวณที่ถูกกัด หรือทาครีมที่มีส่วนผสมของสารเพอร์เมทริน (Permethrin) รอบ ๆ บริเวณดังกล่าว เพื่อทำให้เห็บเป็นอัมพาตจนสามารถดึงออกมาได้ง่ายขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น เมทิลแอลกอฮอล์ (Methylated Spirit) และน้ำมันก๊าด (Kerosene) เป็นต้น

หลังจากฉีดพ่นยาแล้ว
ห้ามใช้เข็มหรือไม้สะกิดตัวเห็บเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ดึงเห็บออกมาได้ยากขึ้น แต่ให้ใช้แหนบดึงตัวเห็บด้วยความระมัดระวัง โดยดึงตัวเห็บในบริเวณที่ใกล้กับผิวหนังที่สุด ดึงออกมาด้วยแรงบีบและความเร็วคงที่
ไม่บิด กระชาก บีบ ขยี้ หรือเจาะตัวเห็บ เพราะจะทำให้ของเหลวที่อาจมีเชื้อโรคถูกปล่อยออกมาจากตัวเห็บ

วิธีป้องกันเห็บกัด

เพื่อป้องกันการถูกเห็บกัด ควรระมัดระวังเมื่อต้องเดินป่า ทำสวน หรือไปในบริเวณที่มีเห็บชุกชุม โดยปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการเดินผ่านพุ่มไม้หรือพงหญ้า และเลือกเดินตามเส้นทางเดินเท้า
  • สวมเสื้อผ้าสีสว่างเพื่อให้มองเห็นเห็บที่เกาะติดมากับเสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น และเลือกสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และถุงเท้าข้อสูงคลุมปลายกางเกง เป็นต้น
  • ใช้ยากันแมลงที่ปลอดภัย เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารดีอีอีที (DEET) ประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ หรือสารเพอร์เมทริน สารที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับป้องกันเห็บ เป็นต้น
  • หลังกลับจากเดินทางหรือตอนอยู่ในบริเวณที่มีเห็บชุกชุม ให้หมั่นมองหาเห็บตามร่างกาย โดยสังเกตทั่วร่างกายโดยละเอียด โดยเฉพาะบริเวณหลังหู ศีรษะ และคอ
  • รีบถอดเสื้อและอาบน้ำทันทีหลังกลับจากบริเวณที่มีเห็บชุกชุม และนำเสื้อผ้าไปใส่ในเครื่องอบผ้า หรือเป่าด้วยไดร์เป่าผมลมร้อนประมาณ 20 นาที เพื่อฆ่าเห็บที่อาจหลงเหลือติดมากับเสื้อผ้า
  • ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขหรือแมวให้สะอาดปราศจากเห็บอยู่เสมอ โดยให้สังเกตตามตัวของสัตว์เลี้ยงเมื่อสัตว์กลับมาจากนอกบ้าน หากพบเห็บให้รีบกำจัดเห็บออก ซึ่งอาจเลือกใช้ยากำจัดเห็บหมัดสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ด้วยเช่นกัน