เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

ความหมาย เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น เป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นหลังการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก การมีประจำเดือน เป็นอาการผิดปกติที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อภายในช่องคลอดหรือภาวะช่องคลอดแห้ง เป็นต้น ส่งผลให้มีเลือดออกจากบริเวณอวัยวะเพศของผู้หญิง อาจมีอาการแสบหรือคันร่วมด้วย 

เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่มักเป็นอาการที่เกิดกับผู้หญิง โดยเฉพาะวัยก่อนหมดประจำเดือนและหลังหมดประจำเดือน ซึ่งอาการอาจหายไปเองโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตอาการหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันและรักษาอาการที่มีความรุนแรงได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากอาการนี้อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือโรคมะเร็งภายในช่องคลอดได้เช่นกัน

เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

อาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

สำหรับผู้ที่ไม่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน อาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์มักไม่ใช่อาการที่เป็นอันตราย อาจมีเพียงรอยเปื้อนเล็ก ๆ และอาการจะหายไปอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ แต่หากเป็นผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้วมีอาการเลือดออก ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยทันที

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีอาการแสบหรือคันบริเวณช่องคลอด ปวดแสบขณะปัสสาวะ เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกมาก เจ็บบริเวณช่วงท้องอย่างรุนแรง ปวดหลังช่วงล่าง คลื่นไส้ อาเจียน หรือช่องคลอดปล่อยของเสียที่ผิดปกติ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน

 สาเหตุของอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

อาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • การมีประจำเดือนหรือประจำเดือนตกค้างในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ช่วงก่อนและหลังการมีประจำเดือนในรอบเดือนนั้น ๆ 
  • การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงหรือการมีเพศสัมพันธ์ขณะที่ร่างกายยังไม่ถูกกระตุ้นเต็มที่ ซึ่งส่งผลให้เกิดการเสียดสีหรือการฉีกขาดขนาดเล็กบริเวณช่องคลอด
  • ภาวะช่องคลอดแห้ง เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงระยะก่อนหมดประจำเดือน ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน และในผู้ที่ตัดรังไข่แล้ว ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการคลอดบุตรหรือการให้นม รวมทั้งการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาต้านฮอร์โมนเอสโตรเจน การทำเคมีบำบัด การรักษาด้วยรังสี เป็นต้น
  • การติดเชื้อ ทำให้เกิดบาดแผลบริเวณเนื้อเยื่อของช่องคลอด โดยอาจเป็นผลมาจากอุ้งเชิงกรานอักเสบ ปากมดลูกอักเสบ เชื้อราในช่องคลอด ภาวะช่องคลอดอักเสบ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างการติดเชื้อคลาไมเดียหรือโรคหนองในแท้ ซึ่งจะส่งผลให้มีเลือดออกจากบริเวณอวัยวะเพศของผู้หญิง และอาจมีอาการแสบหรือคันร่วมด้วย
  • ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำในผู้หญิงระยะก่อนหมดประจำเดือนและหลังหมดประจำเดือนอาจทำให้เยื่อบุช่องคลอดแคบ เกิดบาดแผลและติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ
  • ภาวะมดลูกหย่อน เป็นภาวะที่มดลูกเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งเดิมมาอยู่บริเวณช่องคลอด
  • มีติ่งเนื้องอกขึ้นบริเวณมดลูก เยื่อบุมดลูก หรือปากมดลูก แต่ไม่ใช่เนื้อร้าย
  • ภาวะปากมดลูกกร่อน โดยจะมีบาดแผลอยู่บริเวณพื้นผิวของปากมดลูก
  • มะเร็งบางชนิด เช่น เป็นอาการทั่วไปของโรคมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งช่องคลอดที่ผู้ป่วยมักจะมีอาการเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือในผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน อาการดังกล่าวอาจเป็นอาการของมะเร็งมดลูกได้ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าว เช่น โรคมะเร็งปากมดลูก การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอดบุตร หรือให้นมบุตร การเปลี่ยนคู่นอนเป็นประจำโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย และการสวนล้างช่องคลอดเป็นประจำที่จะส่งผลให้เกิดภาวะช่องคลอดแห้งได้ เป็นต้น

การวินิจฉัยอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

แพทย์จะสอบถามความผิดปกติหรือรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อหาสาเหตุของอาการ เช่น ช่วงเวลาที่เริ่มมีอาการ ความรุนแรงของอาการ ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น จากนั้นจะทำการตรวจร่างกายและประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย พร้อมการวินิจฉัยร่วมกับอาการอื่น ๆ

นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งให้มีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาความผิดปกติภายในช่องคลอด เช่น การตรวจการตั้งครรภ์ การตรวจภายใน การตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด การตรวจปัสสาวะ การตรวจโดยใช้เครื่องมือถ่างขยายช่องคลอด เป็นต้น และหากตรวจพบติ่งเนื้อ แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางห้องปฏิบัติการและวางแผนการผ่าตัดให้กับผู้ป่วย 

การรักษาอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

แพทย์จะรักษาอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ โดยมีตัวอย่างการรักษา ดังนี้

การใช้สารหล่อลื่น

การใช้สารหล่อลื่นก่อนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยลดการเสียดสีบริเวณผนังช่องคลอดในผู้ที่มีภาวะช่องคลอดแห้ง พร้อมช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและปรับสภาพความเป็นกรดภายในช่องคลอด อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นชนิดปิโตรเลียมร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัย เพราะจะทำให้ถุงยางหรือหมวกยางสอดช่องคลอดเสื่อมสภาพ

การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน

แพทย์อาจสั่งให้มีการรักษาด้วยการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนโปรเจสตินทดแทนในรูปแบบของยารับประทาน ยาสอด หรือครีมในผู้ที่มีภาวะช่องคลอดแห้ง

การรักษาอื่น ๆ

นอกเหนือจากการรักษาในข้างต้น แพทย์อาจรักษาตามแต่ละสาเหตุด้วยวิธีต่อไปนี้

  • การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะในผู้ที่มีภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบและกามโรค 
  • การรักษาด้วยการจี้ร้อนหรือจี้เย็นเพื่อทำลายเนื้อเยื่อและรักษาบริเวณที่มีบาดแผล 
  • ผู้ที่มีภาวะมดลูกหย่อน แพทย์จะแนะนำให้ลดน้ำหนักหรือฝึกการกระชับช่องคลอดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว 
  • ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง แพทย์จะส่งการรักษาให้กับผู้เชี่ยวชาญและแนะนำให้รักษาด้วยเคมีบำบัด การรักษาด้วยรังสีหรือการผ่าตัด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรคมะเร็ง

ภาวะแทรกซ้อนของอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

โดยปกติอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์มักไม่มีอาการแทรกซ้อนที่รุนแรง ยกเว้นในกรณีของผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ที่ไม่ได้รักษาอาการติดเชื้อ แต่ก็มีความเสียงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ เช่น

  • โลหิตจางเนื่องจากเสียเลือดมาก มักพบในผู้ที่มีเลือดออกติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยจะมีอาการ อ่อนเพลีย อ่อนแรง วิงเวียน ปวดหัว และผิวซีดผิดปกติ
  • การติดเชื้อพบในผู้ที่มีภาวะช่องคลอดแห้ง ซึ่งจะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

การป้องกันอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

วิธีป้องทำได้หลายวิธี โดยจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เช่น การใช้น้ำหรือสารหล่อลื่นเพื่อป้องกันการแห้งของช่องคลอดและลดการเสียดสีระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ควรหยุดการทำกิจกรรมทางเพศหากรู้สึกเจ็บ เว้นการมีเพศสัมพันธ์หลังหมดประจำเดือน ในแต่ละเดือน กำจัดติ่งเนื้อหรือรักษาอาการติดเชื้อภายในช่องคลอด และหากอาการเลือดออกเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคอื่น ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน