อินฟลิซิแมบ

อินฟลิซิแมบ

Infliximab (อินฟลิซิแมบ) เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน โรคลำไส้อักเสบและโรคโครห์น เป็นต้น แพทย์มักใช้ยานี้ในกรณีที่ยาชนิดอื่นๆ รักษาไม่ได้ผล ทั้งนี้ แพทย์อาจนำ Infliximab มาใช้การรักษาโรคอื่น ๆ ได้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์

Infliximab

เกี่ยวกับยา Infliximab

กลุ่มยา ยากดภูมิ (Immunosuppressants)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ ใช้รักษาโรคข้ออักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ
กลุ่มผู้ป่วย เด็ก ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาฉีด
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความ
ผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผล
ไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสาม
เดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้
เห็นว่ามีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป

คำเตือนในการใช้ยา Infliximab

การใช้ยา Infliximab มีข้อควรระวังที่ควรศึกษาก่อนการใช้ยา ดังนี้

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยาชนิดนี้ รวมถึงยาและสารอื่น ๆ เพราะยาอาจมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดอาการแพ้และผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมาได้
  • แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบถึงยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่กำลังใช้อยู่ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาถึงประวัติการรักษาและโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคตับ โรคเบาหวาน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคเกี่ยวกับเส้นประสาทกล้ามเนื้อ หรือมีอาการหรือภาวะผิดปกติ เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อรา ชัก ชาตามร่างกาย เป็นเหน็บตามร่างกาย หรือผู้ที่รักษาโรคสะเก็ดเงินด้วยการรักษาด้วยแสง (Phototherapy) ผู้ที่เคยรับหรืออยู่ในระหว่างรับวัคซีนป้องกันวัณโรค รวมถึงผู้ที่กำลังเป็นโรคติดเชื้อหรือง่ายต่อการติดเชื้อ เป็นต้น
  • ยานี้ส่งผลกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน จึงอาจทำให้ร่างกายติดเชื้อได้ง่ายขึ้น รวมถึงผู้ที่มีอาการติดเชื้ออาจได้รับผลข้างเคียงที่ทำให้การติดเชื้อรุนแรงขึ้นรวมถึงเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต หากมีอาการไอ เป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดตามผิวหนังควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
  • ยา Infliximab อาจทำให้อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบีรุนแรงขึ้นได้ ผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบี ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพตับเป็นประจำทั้งในระหว่างใช้ยาและหลังใช้ยา
  • ห้ามเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่ได้รับคำยินยอมจากแพทย์ โดยเฉพาะวัคซีนชนิดเชื้อเป็น เช่น โปลิโอ หัด หัดเยอรมัน และอีสุกอีใส เป็นต้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงตามมา นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้กับผู้ที่เพิ่งได้รับวัคซีนชนิดเชื้อเป็นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • ยา Infliximab อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งปากมดลูก รวมถึงโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดพบได้ยาก บริเวณตับ ม้าม หรือไขสันหลังได้ ซึ่งโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้น จึงควรปรึกษาแพทย์และเข้ารับการวินิจฉัยโดยละเอียด
  • ผู้ที่เดินทางไปหรือกลับจากต่างประเทศควรแจ้งแพทย์ เนื่องจากบางประเทศมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อวัณโรคหรือเชื้อราบางชนิดได้สูงกว่าประเทศอื่น
  • ผู้ที่กำลังใช้ยานี้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดบาดแผล เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อสูง
  • ห้ามใช้ยานี้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี
  • ผู้สูงอายุอาจเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยาได้มากกว่าผู้ใช้ยากลุ่มอื่น โดยเฉพาะการติดเชื้อ  
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรแจ้งสูตินรีแพทย์ที่เป็นผู้ดูแลครรภ์ให้ทราบและปรึกษาถึงความเสี่ยงก่อนการใช้ยาชนิดนี้
  • ผู้ที่คลอดบุตรและใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลกระทบต่อการฉีดวัคซีนให้กับทารก
  • หลีกเลี่ยงการให้นมบุตรในระหว่างการใช้ยานี้หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำ

ปริมาณการใช้ยา Infliximab

ปริมาณยาที่ใช้ในการรักษานั้นอาจมีความแตกต่างกันไปตามชนิดของโรค น้ำหนักตัว และการตอบสนองต่อการรักษา จึงควรใช้ยาในปริมาณตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

โรคโครห์น

ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab ในการรักษาโรคโครห์น

ผู้ใหญ่ เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ซ้ำอีกครั้งเมื่อผ่านไป 2 สัปดาห์ในปริมาณเท่าเดิม หากผู้ป่วยตอบสนองต่อยา แพทย์จะให้ยาปริมาณเดิมอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรกและให้ยาหลังจากนั้นทุกๆ 8 สัปดาห์ ในกรณีอาการกำเริบอาจต้องเข้ารับยาอีกครั้งหลังจากการให้ยาครั้งสุดท้าย 16 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาหลังรับยาครั้งที่ 2 ควรหยุดการรักษาและปรึกษาแพทย์

เด็ก เด็กอายุ 6-17 ปี เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ยาปริมาณเดิมซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก ๆ 8 สัปดาห์

โรคลำไส้อักเสบ
ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab รักษาโรคลำไส้อักเสบ 

ผู้ใหญ่ เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ยาปริมาณเดิมซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก ๆ 8 สัปดาห์ ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้นหลังการให้ยาครั้งที่ 3 ควรหยุดการให้ยาและปรึกษาแพทย์

เด็ก เด็กอายุ 6-17 ปี เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ยาปริมาณเดิมซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก ๆ 8 สัปดาห์

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab ในการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

ผู้ใหญ่ ระยะแรกใช้ยาอินฟลิซิแมบ ร่วมกับยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate) ปริมาณ 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง จากนั้นให้ยาปริมาณเดิมซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก ๆ 8 สัปดาห์ ในกรณีที่ยาตอบสนองได้ไม่ดีหรือไม่ตอบสนองภายใน 12 สัปดาห์ แพทย์อาจพิจารณาเพิ่มปริมาณยาตั้งแต่ 1.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ไปจนถึง 7.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 8 สัปดาห์ ในบางกรณีสามารถให้ปริมาณยา 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 4 สัปดาห์ หากอาการกำเริบอาจต้องเข้ารับยาอีกครั้งนับจากการให้ยาครั้งสุดท้าย 16 สัปดาห์

โรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด

ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab รักษาโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด (Ankylosing spondylitis)

ผู้ใหญ่ ระยะแรกใช้ยาอินฟลิซิแมบ ปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมผ่านทางหลอดเลือดดำ ให้ยาซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และรับยาหลังจากนั้นทุก ๆ 6-8 สัปดาห์ หากหลังการให้ยาครั้งที่ 2 อาการไม่ตอบสนองต่อการรักษาควรหยุดการรักษาและปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการรักษาด้วยวิธีอื่นต่อไป

โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงินและโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา

ตัวอย่างการใช้ยา Infliximab รักษาโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis) และโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา 

ผู้ใหญ่ เริ่มให้ยาอินฟลิซิแมบปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยผสมยาเข้ากับสารละลายและให้ผ่านทางหลอดเลือดดำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และให้ซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์ที่ 2 และสัปดาห์ที่ 6 นับจากการให้ยาครั้งแรก และให้ยาหลังจากนั้นทุก 8 สัปดาห์ ควรหยุดการรักษาและปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการรักษาด้วยวิธีอื่น หากภายหลัง 12 สัปดาห์อาการยังไม่ดีขึ้นในผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน และ 14 สัปดาห์สำหรับผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินชนิดผื่นหนา

การใช้ยา Infliximab

ยา Infliximab นั้นมีข้อมูลที่ควรทราบเพื่อความปลอดภัยก่อนการใช้ ดังนี้

  • บุคลากรของโรงพยาบาลที่เป็นผู้ให้การฉีดยาควรอ่านฉลากยา รวมทั้งปฏิบัติตามข้อบ่งใช้และคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด  ตรวจสอบปริมาณยาที่แพทย์กำหนด ตรวจสอบสภาพของบรรจุภัณฑ์ว่าชำรุดหรือไม่ รวมทั้งสังเกตลักษณะของยาว่ามีการเปลี่ยนสีหรือมีตะกอนหรือไม่ หากมีความผิดปกติใดเกิดขึ้น ห้ามใช้ยานั้นโดยเด็ดขาด
  • แพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์จะเป็นผู้ฉีดยานี้เท่านั้น ซึ่งผู้ป่วยต้องเข้ารับการฉีด ณ โรงพยาบาล
  • แพทย์อาจใช้ยานี้ร่วมกับยาอื่น ๆ ในการรักษาโรคบางชนิด
  • แพทย์เป็นผู้กำหนดปริมาณยาในการฉีดแต่ละครั้ง โดยพิจารณาจากน้ำหนักและโรคของผู้ป่วย
  • เมื่อต้องการใช้ยาสามารถดึงยาออกจากขวดได้เลยโดยไม่ต้องเขย่าขวด
  • ระหว่างการใช้ยานี้ แพทย์อาจนัดตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยอาจเน้นไปที่การตรวจคัดกรองหาโรคติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อวัณโรค
  • หากผู้ป่วยลืมเข้ารับยา ควรแจ้งแพทย์เพื่อปรับแผนการรักษา
  • หากได้รับยาเกินขนาดหรือเกิดอาการผิดปกติควรแจ้งแพทย์ทันที
  • ผู้ที่รับยาเองที่บ้าน ต้องศึกษาวิธีการให้ยาอย่างปลอดภัยจากบุคลากรทางการแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยา
  • ควรเข้ารับยาตามกำหนดทุกครั้ง เพื่อให้ได้การรักษาที่มีประสิทธิภาพ
  • ควรเก็บยาไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส โดยห้ามแช่ช่องแข็ง
  • หากใช้ยาแล้วอาการไม่ทุเลาหรืออาการรุนแรงขึ้นควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Infliximab

การใช้ยา Infliximab อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ในช่วงเริ่มต้นของการใช้ยาอาจพบอาการเวียนศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก ผื่นคันตามร่างกาย แม้ว่าอาการเหล่านี้เป็นอาการทั่วไป แต่หากอาการรุนแรงขึ้นหรืออาการไม่ทุเลาลงควรไปพบแพทย์

นอกจากนี้ หากผลข้างเคียงเป็นอาการที่รุนแรงดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

 

  • สัญญาณการติดเชื้อ
    เนื่องจากยานี้ออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากมีอาการไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน หายใจลำบาก ปัสสาวะบ่อย รู้สึกปวดขณะปัสสาวะ มีมูกใสบริเวณอวัยวะเพศหญิง เกิดผื่นสีขาวในปาก หรือไอและเจ็บคอต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ควรแจ้งแพทย์ทันที
  • ความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ
    ยาตัวนี้อาจทำให้เกิดความผิดปกติรุนแรงเกี่ยวกับหัวใจ อย่างภาวะหัวใจขาดเลือด ระหว่างฉีดยาจนถึงช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีดได้ หากผู้ป่วยเกิดอาการเจ็บหน้าอกร้าวไปแขนด้านซ้ายหรือร้าวขึ้นไปบริเวณกราม หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจลำบาก  เหงื่อออกมาก เวียนศีรษะ หน้ามืด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที

 

  • ผลข้างเคียงรุนแรงที่ควรพบแพทย์
    ยา Infliximab อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ เลือดออกง่าย รู้สึกสับสน กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นเหน็บหรือรู้สึกชาตามแขนขา รวมทั้งมีอาการของหัวใจวายอย่างหายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยง่าย ขาบวม น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่มีสาเหตุ เป็นต้น หากเกิดอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที 

 

  • ผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
    ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะโรคตับ ซึ่งอาจส่งผลถึงทารกในครรภ์ด้วย ดังนั้น หากเกิดอาการตาเหลืองตัวเหลือง คลื่นไส้อาเจียนอย่างต่อเนื่อง เบื่ออาหาร ปวดท้อง รู้สึกเหนื่อยอย่างรุนแรง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด ควรเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
  • อาการแพ้ยา
    หากพบอาการแพ้ยา อย่างผื่นลมพิษตามตัว มีอาการบวมบริเวณใบหน้า ปาก ลิ้น คอ หายใจลำบาก ควรเข้ารับการรักษาทันที

สำหรับความผิดปกติอื่น ๆ นอกเหนือจากอาการเหล่านี้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน