อาหารติดคอ รู้จัก 5 วิธีการรับมือก่อนเกิดอันตราย

อาหารติดคอ เกิดขึ้นเนื่องจากการที่มีอาหารหลุดเข้าไปอุดกั้นในบริเวณลำคอหรือทางเดินหายใจ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสำลัก (Chocking) โดยผู้ที่กำลังสำลักอาหารหรืออาหารติดคออาจมีอาการเช่น ไอ พูดหรือร้องไม่มีเสียง มือกำรอบลำคอ ตื่นตระหนก ผิวหนังและปากเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินหรือเขียว และหมดสติ 

อาหารติดคออาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด กินอาหารเร็วเกินไป และพูดคุยขณะกินอาหาร หากอาหารติดคอ ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างทันที เพราะอาหารที่ติดอยู่ในทางเดินหายใจอาจทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ หากร่างกายขาดออกซิเจนเกิน 4 นาที อาจทำให้สมองได้รับความเสียหาย รวมทั้งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

อาหารติดคอ

วิธีรับมืออาหารติดคอ

หากมีอาหารติดคอหรือสำลักอาหาร สิ่งแรกที่ควรทำคือการตั้งสติและอาจลองทำตามวิธีต่าง ๆ เพื่อช่วยให้อาหารหลุดออกจากลำคอ ดังนี้

1. การไอ

ในกรณีที่อาหารติดคอแต่ยังสามารถพูดหรือหายใจได้เพราะอาหารอุดกั้นทางเดินหายใจบางส่วน การไออย่างต่อเนื่องอาจช่วยให้อาหารหลุดออกจากลำคอได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้นิ้วล้วงเข้าไปในปากหรือคอผู้ที่กำลังสำลัก เพราะอาจเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการถูกกัดได้

2. วิธีรัดกระตุกหน้าท้อง (Abdominal thrusts)

วิธีรัดกระตุกหน้าท้องเป็นวิธีการช่วยชีวิตเมื่อมีอาหารติดคอและยังคงมีสติอยู่ แต่ไม่สามารถหายใจ พูด หรือไอ วิธีการนี้ไม่ควรใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีเพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยวิธีการรัดกระตุกหน้าท้องสามารถทำได้ดังนี้ 

  • ยืนด้านหลังและใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวของผู้ที่มีอาหารติดคอ เอนตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย 
  • กำมือข้างหนึ่งโดยหันนิ้วโป้งเข้าร่างกายและวางไว้ใต้กระดูกซี่โครงหรือเหนือสะดือประมาณ 2 นิ้ว จากนั้นใช้มืออีกข้างจับมือที่กำไว้
  • รัดกระตุกหน้าท้องขึ้นให้แรงและรวดเร็ว 5 ครั้ง หรือทำซ้ำจนกว่าอาหารที่ติดอยู่จะหลุดออกมา

สำหรับเด็กที่อายุ 1–5 ปี หรือเด็กที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 20 กิโลกรัม ผู้ช่วยเหลือควรคุกเข่าให้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กและควรออกแรงกระตุกน้อยกว่าปกติ ทั้งนี้ หากอยู่คนเดียวขณะอาหารติดคอ ก็สามารถใช้วิธีรัดกระตุกหน้าท้องได้เช่นกัน หรืออาจวางหน้าท้องไว้บนพนักเก้าอี้และกระแทกเข้า-ออกเพื่อให้ที่อาหารติดคออยู่หลุดออกมา

3. วิธีทุบหลัง (Back blows)

การทุบหลังเป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยเหลือผู้ที่อาหารติดคอที่ยังมีสติ แต่ไม่สามารถพูด หายใจ หรือไอได้อย่างสะดวก โดยวิธีนี้สามารถใช้ได้กับทั้งผู้ใหญ่และเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี โดยสามารถช่วยเหลือได้ตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

  • เริ่มจากยืนด้านหลังฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวาของผู้ที่มีอาหารติดคอ หากเป็นเด็ก ผู้ช่วยเหลือควรคุกเข่าให้อยู่ในระดับเดียวกัน จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งประคองหน้าอกและเอนตัวผู้ที่มีอาหารติดคอให้ก้มไปด้านหน้า 
  • ใช้ส้นมืออีกข้างทุบไปที่ระหว่างกระดูกสะบักหรือบริเวณกลางหลังด้านบน 5 ครั้ง เพื่อให้อาหารที่ติดคอหลุดออกจากทางเดินหายใจ
  • หากอาหารยังคงติดคออยู่ อาจทำสลับกับวิธีรัดกระตุกหน้าท้องไปเรื่อย ๆ จนกว่าอาหารที่ติดคอหลุดออกมา

ทั้งนี้ หากอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมติดคอทารก ควรนั่งลงและอุ้มทารกให้คว่ำหน้าพาดไปตามต้นขาหรือแขน โดยศีรษะควรต่ำกว่าก้น ใช้มือข้างหนึ่งประคองคอทารกให้มั่นคง จากนั้นใช้ส้นมืออีกข้างทุบบริเวณกลางหลังหรือกระดูกระหว่างสะบักเพื่อให้เศษอาหารหรือสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่ในคอหลุดออกจากร่างกาย

4. วิธีรัดกระตุกหน้าอก (Chest thrusts)

การช่วยเหลือผู้ที่มีอาหารติดคอหรือสำลักอาหารด้วยการรัดกระตุกหน้าอกอาจเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือผู้ที่ไม่สามารถโอบรอบเอวได้ โดยการรัดกระตุกหน้าอกมีขั้นตอนการช่วยเหลือคล้ายกับการรัดกระตุกหน้าท้อง ดังนี้

  • ยืนด้านหลังผู้ที่กำลังเกิดอาการสำลักและใช้แขนโอบรอบบริเวณหน้าอก
  • กำมือข้างหนึ่งโดยให้นิ้วโป้งหันเข้าร่างกายและใช้มืออีกข้างจับไว้ วางมือตรงกลางอกและกระตุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ทำซ้ำจนกว่าอาหารที่ติดคอจะหลุดออกจากทางเดินหายใจ

วิธีรักษาอาหารติดคอแต่ไม่สำลัก

หากรู้สึกว่ามีอาหารติดคอแต่ไม่สำลัก อาจเกิดจากการที่อาหารติดอยู่ในหลอดอาหาร เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก อาหารที่ติดอยู่อาจไหลลงไปได้เอง หากอาหารยังคงไม่ไหลลงไป อาจลองทำตามวิธีต่าง ๆ เพื่อให้อาหารที่ติดคอไหลลงไปง่ายขึ้น เช่น กลืนน้ำอึกใหญ่หรือกลืนอาหารนิ่ม ๆ เช่น กล้วยหรือขนมปังจุ่มในนม

หากลองปฐมพยาบาลอาหารติดคอเบื้องต้นแล้ว แต่อาหารยังคงไม่หลุดออกจากทางเดินหายใจหรือผู้ที่มีอาหารติดคอหมดสติไป ควรเริ่มทำการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) และโทรหาสายด่วน 1669 หรือรถฉุกเฉินทันทีเพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป