สอนลูกให้เก่งภาษาด้วย 5 เคล็ดลับง่าย ๆ ทำได้ที่บ้าน

หากต้องการสอนลูกให้เก่งภาษา คุณพ่อคุณแม่อาจไม่จำเป็นต้องจ้างคุณครูพิเศษเพื่อมาสอนภาษาให้แก่ลูกที่บ้าน เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่หากิจกรรมทำร่วมกับลูกโดยใช้ภาษาเป็นสื่อกลาง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถสอนลูกให้เก่งภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น การเรียนภาษายังช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองให้แก่เด็กได้ด้วย

คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มพูดภาษาที่ 2 กับลูกได้ตั้งแต่ช่วงแรกเกิดถึงช่วงอายุ 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาในการสอนภาษาที่เหมาะสมที่สุด เพราะเป็นช่วงวัยที่เด็กกำลังเรียนรู้ภาษาแรกของตนเอง นอกจากนี้ ในช่วงอายุ 4–7 ปี ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเรียนภาษาสำหรับเด็กเช่นกัน เพราะเป็นช่วงวัยที่เด็กสามารถประมวลผลภาษาที่ 2 ควบคู่ไปกับภาษาแม่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

สอนลูกให้เก่งภาษา

ประโยชน์ของการสอนลูกให้เก่งภาษา

การเรียนภาษามีประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กในหลายประการ ตั้งแต่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางสมอง การพัฒนาทางจิตใจ ไปจนถึงการพัฒนาทางสังคม ดังนี้

  • ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองของเด็ก ช่วยให้เด็กมีกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ มีสมาธิ รวมถึงอาจสามารถคิดหรือประมวลผลหลายสิ่งพร้อมกันได้ดี
  • ช่วยให้เด็กมีทักษะในการฟังที่ดี และสามารถแยกแยะการออกเสียงในภาษาต่าง ๆ ที่แตกต่างกันได้มากขึ้น
  • อาจช่วยส่งเสริมจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ และทำให้เด็กมีกระบวนการคิดในเชิงนามธรรมได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยให้เด็กได้ซึมซับวัฒนธรรมของประเทศอื่น ๆ ผ่านสื่อการเรียนการสอน ทำให้มีความเข้าใจในความแตกต่างทางวัฒนธรรม และมีมุมมองการมองโลกที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยเปิดโอกาสในการเรียนรู้ให้กว้างมากขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพในอนาคต

5 เคล็ดลับง่าย ๆ ในการสอนลูกให้เก่งภาษา 

หากต้องการสอนลูกให้เก่งภาษาตั้งแต่อายุยังน้อย คุณพ่อคุณแม่สามารถลองทำตามเคล็ดลับง่าย ๆ 5 ประการ ดังนี้

1. สอดแทรกคำศัพท์ภาษาต่างประเทศในชีวิตประจำวัน

การเรียนรู้คำศัพท์เป็นวิธีการเริ่มต้นเรียนภาษาง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เช่น คุณพ่อคุณแม่อาจแปะคำศัพท์ภาษาต่างประเทศกำกับไว้บนสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน และสอนให้ลูกออกเสียงคำศัพท์นั้น ๆ ก่อนหยิบสิ่งของออกมาใช้ หรืออาจกำหนดช่วงเวลาเรียนรู้คำศัพท์สั้น ๆ ในทุกวัน เช่น กำหนดให้ช่วงเวลาระหว่างการนั่งรถไปโรงเรียนเป็นชั่วโมงเรียนรู้คำศัพท์ของสิ่งที่พบในระหว่างทาง

นอกจากนี้ อาจตั้งค่าภาษาของเครื่องมือสื่อสารอย่างโทรศัพท์หรือแท็บเลตให้เป็นภาษาต่างประเทศ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้คำศัพท์ในระหว่างที่กำลังใช้เครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้เด็กใช้เครื่องมือสื่อสารเพียงลำพัง เพราะเด็กอาจได้รับสื่อที่ไม่เหมาะสมกับวัย รวมถึงไม่ควรให้เด็กใช้เวลากับหน้าจอมากเกินไป เพราะอาจส่งผลเสียต่อสายตาและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะออทิสติกเทียมด้วย

2. เลือกใช้สื่อการเรียนรู้ที่เป็นภาษาต่างประเทศ

สื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น นิทาน เพลง หรือคลิปวิดีโอจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศสำหรับเด็ก โดยอาจสอนลูกให้เก่งภาษาจากการเล่านิทานก่อนนอนเป็นภาษาต่างประเทศให้ลูกฟัง เปิดเพลงภาษาต่างประเทศและสอนคำศัพท์ง่าย ๆ จากเนื้อเพลง หรือดูคลิปวิดีโอภาษาต่างประเทศที่มีคำบรรยายภาษาต่างประเทศกำกับร่วมกับลูก

โดยการเลือกสื่อสำหรับเด็ก ควรเลือกสื่อในหัวข้อที่เด็กสนใจ ไม่เครียด แต่ก็สามารถเสริมสร้างความรู้ให้แก่เด็กได้ เช่น การ์ตูนสำหรับเด็ก เพลงสำหรับเด็กที่มีทำนองสนุกสนานและร้องตามได้ง่าย สารคดีเกี่ยวกับสัตว์ หรือเรื่องราวที่น่าตื่นตาตื่นใจ

3. ทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวโดยใช้ภาษาต่างประเทศ

ในวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณพ่อคุณแม่อาจหากิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันในครอบครัวมาทำร่วมกับลูกโดยใช้ภาษาต่างประเทศเป็นสื่อกลาง เช่น เล่นเกมทายคำศัพท์จากท่าทาง เล่นกีฬาที่เหมาะสำหรับเด็ก หรือสอนลูกทำอาหารง่าย ๆ โดยให้ลูกเป็นลูกมือช่วยในงานที่ปลอดภัย และสอนให้ลูกฝึกสนทนาในภาษาต่างประเทศไปในตัว 

4. หาเพื่อนต่างชาติในวัยเดียวกันให้แก่ลูก

การมีเพื่อนต่างชาติในวัยเดียวกันอาจช่วยให้เด็กกล้าที่จะสื่อสารภาษาต่างประเทศได้มากขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่อาจช่วยลูกหาเพื่อนต่างชาติในวัยเดียวกันจากงานกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้เด็กที่สนใจในภาษานั้น ๆ มารวมตัวกัน และคุณพ่อคุณแม่ควรช่วยชี้แนะให้ลูกสื่อสารกับเพื่อนในทางที่เหมาะสม

นอกจากนี้ อาจลองให้ลูกเขียนจดหมายหรือการ์ดอวยพรหาเพื่อนต่างชาติในเทศกาลสำคัญปีละ 1–2 ครั้ง เช่น วันเกิด หรือวันปีใหม่ เพื่อช่วยฝึกฝนทักษะการเขียนภาษาต่างประเทศ และพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กให้แก่เด็กด้วย

5. หาสถานการณ์จริงที่ลูกสามารถสื่อสารภาษาต่างประเทศได้

คุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกได้สื่อสารภาษาต่างประเทศในสถานการณ์จริง เพื่อช่วยเพิ่มความทักษะในการสื่อสารภาษาต่างประเทศ และความกล้าที่จะลองผิดลองถูกให้แก่ลูกมากขึ้น โดยอาจพาลูกไปเจอคนรู้จักที่มีความเชี่ยวชาญในภาษานั้น ๆ พาลูกไปเข้าสังคมที่มีคนสื่อสารในภาษานั้น ๆ และทำกิจกรรมร่วมกัน หรือพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศก็ได้เช่นกัน

คุณพ่อคุณแม่อาจเคยได้ยินว่าการสอนลูกแบบ 2 ภาษาอาจทำให้ลูกเกิดความสับสนทางภาษา และมีปัญหาในการสื่อสาร เช่น ลูกพูดช้ แท้จริงแล้วเด็กสามารถเรียนรู้หลาย ๆ ภาษาไปพร้อมกันได้ และสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งการสอนลูกให้เก่งภาษานั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้เวลา ความเอาใจใส่ และความสม่ำเสมอในการสอนเท่านั้นเอง

ทั้งนี้ หากคุณพ่อคุณแม่ไม่เก่งภาษาต่างประเทศ อาจเกิดความกังวลใจว่าจะสามารถสอนลูกให้เก่งภาษาได้หรือไม่ แต่การเรียนภาษาไม่มีคำว่าสายเกินไป คุณพ่อคุณแม่สามารถเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกได้ โดยอาจเริ่มจากวิธีง่าย ๆ เช่น ดูคลิปวิดีโอภาษาต่างประเทศที่มีคำบรรยายภาษาต่างประเทศไปพร้อมกับลูก หรืออาจเรียนภาษาด้วยตัวเองผ่านคลิปวิดีโอสอนภาษาในอินเตอร์เน็ตก็ได้เช่นกัน