ทานาคา ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อผิวสวยอย่างธรรมชาติ

ทานาคา แป้งที่ชาวพม่าทุกเพศทุกวัยนิยมใช้ทาหน้าและทาตัวในฐานะผลิตภัณฑ์ธรรมชาติสำหรับบำรุงผิวและป้องกันแสงแดด เนื้อแป้งฝนจากเนื้อไม้ของต้นทานาคา หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อต้นกระแจะ ปัจจุบันได้พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์แป้งสำเร็จรูปที่ใช้ง่ายและมีสรรพคุณโด่งดังมาถึงประเทศไทย

ทานาคา

แต่ละบ้านในพม่ามักมีท่อนไม้ทานาคาติดไว้ประจำ โดยจะใช้ฝนกับแผ่นหินลักษณะกลมผสมน้ำเล็กน้อยจนได้แป้งที่มีสีขาวออกเหลืองนวล แป้งทานาคานั้นใช้ทาได้แทบทุกส่วนของร่างกาย และมีการกล่าวอ้างสรรพคุณต่าง ๆ นานา ไม่ว่าจะช่วยบำรุงผิวให้ขาวเนียนสวย ลดริ้วรอย ช่วยให้ผิวหน้าไม่มันหรือแห้งจนเกินไป ตลอดจนรักษาสิวและป้องกันฝ้า   

นอกจากนี้ ทานาคายังมีสารสำคัญที่ชื่อว่าสารมาร์เมซิน (Marmesin) มีฤทธิ์ปกป้องผิวหนังจากรังสีอัลตราไวโอเลต สารอาร์บูติน (Arbutin) ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ป้องกันการเกิดฝ้า กระ และสารซูเบอโรซิน (Suberosin) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยป้องกันและรักษาสิว แต่สรรพคุณบำรุงผิวพรรณของทานาคานั้นเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด มีข้อมูลทางวิทยาศาตร์กล่าวไว้ดังต่อไปนี้

บำรุงและรักษาปัญหาผิวพรรณ ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ชาวพม่านิยมใช้แป้งทานาคาทาบำรุงผิวหน้า ผิวกาย ลดริ้วรอย และรักษาปัญหาสิวฝ้ามาเป็นเวลาช้านาน จนผลิตภัณฑ์แป้งทานาคาสำเร็จรูปเริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สาวไทยในเวลาต่อมา มีให้เลือกใช้ทั้งชนิดผงแป้งที่ต้องผสมกับน้ำก่อนทา และชนิดครีม ซึ่งหลายคนก็ไม่แน่ใจว่าแป้งทานาคานั้นจะมีสรรพคุณตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

สำหรับข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ในด้านนี้ มีงานวิจัยในห้องทดลองที่ทดสอบการออกฤทธิ์ของสารสกัดจากทานาคาและความปลอดภัยในการใช้ พบว่าสารสกัดดังกล่าวมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบสูง ซึ่งอาจช่วยชะลอริ้วรอยและการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนังที่มีสาเหตุมาจากกระบวนการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกาย ทั้งยังมีสรรพคุณต้านแบคทีเรียได้เล็กน้อย จึงอาจเป็นประโยชน์ในการรักษาและป้องกันสิว

นอกจากนี้ งานวิจัยดังกล่าวพบว่าทานาคามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสซึ่งเป็นตัวการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ซึ่งกระบวนการสร้างเม็ดสีเหล่านี้เองที่เป็นสาเหตุให้เกิดฝ้า กระ หรือรอยด่างดำบนผิวหนังตามมา สอดคล้องกันงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ชี้ว่าเนื้อไม้จากต้นทานาคามีสารอาร์บูตินที่ทำหน้าที่ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินเช่นเดียวกัน

ด้านการศึกษาในพม่าเมื่อไม่นานมานี้ก็มีผลการวิจัยที่ชี้ถึงคุณสมบัติของทานาคาในด้านการบำรุงผิวพรรณให้เห็นเช่นกัน งานวิจัยดังกล่าวพบว่าสารสกัดจากทานาคามีสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟีนอลิก ฟลาโวนอยด์ สารต้านการอักเสบอย่างสเตียรอยด์ รวมทั้งมีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์และแบคทีเรียบางชนิด ที่สำคัญ ไม่พบว่ามีสารอันตรายอย่างปรอทและสารหนูในสารสกัดดังกล่าวแต่อย่างใด

การศึกษาเหล่านี้พอจะช่วยพิสูจน์ว่าทานาคาอาจเป็นตัวเลือกวัตถุดิบจากธรรมชาติสำหรับนำมาผลิตเป็นเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว แต่กว่าจะยืนยันความปลอดภัยและสรรพคุณการบำรุงผิวพรรณในด้านต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนนั้น ยังคงต้องมีการศึกษาโดยใช้ผลิตภัณฑ์จากทานาคาทาบนผิวหนังของคนโดยตรงเพิ่มเติม

ช่วยปกป้องผิวหนังจากแสงแดด ไม่เพียงแต่เป็นตัวช่วยในการบำรุงผิว ทานาคาถูกนำมาทาเพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดดมาตั้งแต่อดีต และไม่ได้เป็นที่นิยมเพียงในพม่า แต่มีใช้ในประเทศอื่น ๆ เช่นกัน ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา ปากีสถาน เป็นต้น

ทานาคาอาจมีคุณสมบัติเป็นเสมือนครีมกันแดดที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตที่เป็นต้นเหตุของปัญหาริ้วรอยและความเสื่อมสภาพของผิว มีงานวิจัยในห้องทดลองชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากเปลือกลำต้นของทานาคามีสารมาร์เมซินที่เป็นตัวดูดซับรังสีอัลตราไวโอเลต โดยเฉพาะรังสียูวีเอ (UVA) ซึ่งพบได้ทั่วไปบนโลกมากกว่ารังสียูวีบี (UVB) และซึมผ่านไปได้ถึงผิวหนังชั้นลึก นอกจากนี้ นักวิจัยคาดว่าสารมาร์เมซินนั้นอาจนำมาใช้เป็นส่วนประกอบธรรมชาติในผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อช่วยกรองรังสียูวีเอได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องอยู่ในที่ที่มีแดดควรทาครีมกันแดดป้องกันเป็นดีที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยจากรังสียูวีบีด้วยเช่นกัน เพราะแม้รังสีชนิดนี้จะมีน้อย แต่เป็นอันตรายต่อผิวหนังมากกว่ารังสียูวีเอ โดยสามารถทำให้ผิวไหม้ ผิวแดง หรือเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้

ทานาคาปลอดภัยต่อผิวหนังหรือไม่

เนื่องจากการศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณและความปลอดภัยในการใช้ทานาคานั้นมีค่อนข้างน้อย จึงยังไม่มีข้อมูลในด้านนี้มากนัก แต่จากข้อมูลงานวิจัยในห้องทดลองที่วิเคราะห์สารต่าง ๆ ในผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติชนิดนี้ ไม่พบว่าทานาคามีสารโลหะหนักอย่างปรอทและสารหนูที่เป็นอันตรายต่อผิวหนังหรือร่างกายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม บางคนอาจเกิดการระคายเคืองหรือมีอาการแพ้หลังใช้แป้งทานาคาได้ โดยเฉพาะบริเวณผิวหน้าซึ่งบอบบางเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัย จึงควรทดสอบการแพ้ด้วยการลองใช้แป้งหรือผลิตภัณฑ์จากทานาคาปริมาณเล็กน้อยทาบาง ๆ บริเวณท้องแขน หากไม่พบว่ามีผื่นขึ้นหรือมีอาการผิดปกติใด ๆ ตามมา ค่อยนำมาใช้กับผิวหน้าหรือผิวบริเวณอื่น