เป็นอีสุกอีใสมา 2 วัน ลูกอายุ 3 เดือน จะติดไหม ฉีดวัคซีนได้ตอนไหน ส่วนตัวแม่ฉีดวัคซีนได้ไหม

สวัสดีค่ะ คุณ Wannisa Phukphu,

                   การติดโรคอีสุกอีใส จะติดผ่านการสัมผัสกับเชื้อไวรัสโดยตรงจากตุ่มหรือแผลของผู้ที่กำลังเป็นโรคอยู่ หรือสัมผัสผ่านสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว ที่นอน จามชามแก้วน้ำ เป็นต้น หรือได้รับเชื้อจากการหายใจเอาเชื้อที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ ที่มาจากการไอ หรือจามของผู้ที่มีเชื้อ 

                  ดังนั้น หากยังต้องเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ก็มีโอกาสที่ลูกจะติดเชื้อได้ หากต้องการไม่ให้ลูกติดเชื้อ ก็จำเป็นต้องงดการเลี้ยงลูกจนกว่าจะหาย แต่หากไม่สามารถทำได้ คุณแม่ก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาเพื่อป้องกันการไอหรือจาม งดการหอมแก้ม การจูบ ส่วนการป้องกันจากการสัมผัสนั้น คุณแม่ต้องใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ใส่เสื้อแขนขาว กางเกงขายาว เป็นต้น และใส่ถุงมือด้วย หากมีผื่นอีสุกอีใสที่บริเวณมือ อีกทั้งควรแยกที่นอนด้วย จนกว่าผื่นจะแห้งและตกสะเก็ดหายไป

                    สำหรับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสนั้น แนะนำให้ฉีดเมื่อเด็กอายุมากกว่า 12 เดือนไปแล้ว การฉีดในอายุน้อยเกินไป อาจไม่สามารถช่วยกระตุ้นสร้างภูมิคุ้มกันได้ รวมถึงอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ส่วนคุณแม่ การฉีดวัคซีนหลังจากเกิดโรคแล้ว จะไม่มีประโยชน์อะไรแล้วค่ะ

                    สำหรับตัวคุณแม่ การเป็นอีสุกอีใสผู้ใหญ่นั้น โรคมักจะรุนแรงและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่าในเด็กเล็ก เช่น ตุ่มน้ำใสติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจนเป็นตุ่มหนองหรือกลายเป็นฝี เป็นปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สมองอักเสบ เป็นต้น ดังนั้น แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาทานยาต้านเชื้อไวรัส เพื่อป้องกันความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนของโรค อีกทั้งจะช่วยลดระยะเวลาการป่วยเป็นโรคด้วยค่ะ  ซึ่งยาที่ใช้รักษาได้แก่ acyclovir, valacyclovir, famciclovir เป็นต้น สำหรับการดูแลตนเอง ได้แก่ การดื่มน้ำมากๆ หากมีอาการคันแนะนำให้ใช้ทานยาแก้แพ้ เช่น chlorpheniramine หรือใช้ยาทาภายนอกอย่างคาลาไมน์โลชั่น หากมีไข้และปวดหัว แนะนำให้ทานยาพาราเซตามอล และไม่ควรใช้ยาแอสไพริน

                    หากลูกเริ่มมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ ซึมลง เริ่มมีผื่นขึ้นตามผิวหนัง ก็ควรรีบพาไปพบกุมารแพทย์เพื่อประเมินอาการค่ะ เพราะการเป็นโรคอีสุกอีใสในเด็กทารกนั้น ก็อาจมีอาการรุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้