ถามแพทย์

  • อายุ 25 ปี เป็นอีสุกอีใสมา 4 วัน วันที่ 3 เริ่มมีอาการเจ็บคอ บางตุ่มเป็นตุ่มหนอง และยังมีไข้อยู่ ควรไปพบหมอไหม

  •  Yepp Nax
    สมาชิก

    ตอนนี้หนูอายุ25ปี เป็นอีสุกอีใสมา 4วันแล้วค่ะ เมื่อวันที่3เริ่มมีอาการเจ็บคอและเมื่อเวลากลืนอะไรเข้าไปแม้กระทั่งลมก็จะรู้สึกเจ็บตั้งแต่คอลงมากลางอก ความรู้สึกเหมือนมีก้อนใหญ่ๆพยายามที่จะลงไปค่ะ และบางตุ่มเหมือนจะเป็นตุ่มหนองด้วยค่ะ ผ่านมา4 วันแล้วยังมีไข้อยู่ค่ะ แบบนี้หนูควรไปพบหมออีกครั้งมั้ยคะ 

    สวัสดีค่ะ คุณ Yepp Nax,

                      อาการของโรคอีสุกอีใส จะเริ่มจากมีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ อ่อนเพลีย โดยจะเป็น 1-2 วัน หลังจากนั้นไข้จะลง จากนั้นจะเกิดผื่นเป็นตุ่มนูนแดงเล็กๆ มักมีอาการคัน โดยจะเริ่มที่ใบหน้าและลำตัวก่อนจะลามไปที่แขน ขา  ภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาผื่นแดงเหล่านี้จะเริ่มกลายเป็นตุ่มพองที่มีน้ำใสๆ และกลายเป็นน้ำขุ่น เป็นอยู่ประมาณ 3-6 วัน ก่อนจะเกิดการตกสะเก็ดในเวลาต่อมา และสะเก็ดก็จะค่อยๆ ลอกจางหายไปภายในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์

                      ดังนั้น หากเป็นมา 4 วัน แล้วยังมีอาการไข้ โดยที่ตุ่มได้มีขึ้นตามร่างกายแล้ว อีกทั้งยังเป็นตุ่มหนอง และมีอาการเจ็บคอมากตามมา อาจเกิดจาก

                      - มีภาวะแทรกซ้อนของอีสุกอีใสเกิดขึ้น เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นตุ่มหนอง และไข้ยังคงไม่ลด ทั้งๆ ที่ควรจะลดลงแล้ว ส่วนอาการเจ็บคอ ก็อาจเกิดจากมีตุ่มอีสุกอีใสในช่องปากและลำคอ แล้วกเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนตามมาเช่นกัน

                      - เป็นโรคอื่นที่ไม่ใช่อีสุกอีใส คืออาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียผิวหนังมาตั้งแต่แรก หรือมีคอหอยอักเสบ ทอนซิลเสบ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียอยู่ 

                       แนะนำว่าควรต้องไปพบแพทย์ เนื่องจากการที่ยังคงมีไข้ และตุ่มตามผิวหนังเป็นตุ่มหนอง ไม่ใช่ลักษณะปกติของโรคอีสุกอีใส ซึ่งหากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน แล้วไม่รักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ รวมถึงยาต้านไวรัส อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นตามมา หรือหากร้ายแรง เชื้ออาจเข้าสู่กระแสเลือด และเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดตามมาได้ค่ะ 

                      ในเบื้องต้น ก็ไม่ควรไปแกะ เกาหรือบีบตุ่มดังกล่าวค่ะ รวมถึงระวังป้องกันการติดเชื้อไปสู่ผู้อื่นก่อนด้วย เช่น ไม่ควรใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน ไม่ทานอาหารโดยใช้จานชามช้อนส้อมเดียวกัน และควรนอนแยกห้องกัน เป็นต้น