ถามแพทย์

  • อายุ 19 ปีเ ป็นอีกสุกอีใสมา 5 วันแล้ว มีเเผลคล้ายร้อนในใต้ลิ้น ต่อมาเจ็บคอ ตอนนี้ตุ่มขึ้นเต็มตัว ต้องไปหาหมอไหม

  •  p_2002
    สมาชิก
    คุณหมอค่ะ หนูอายุ 19 ปีเเละเป็นอีกสุกอีใสถ้านับอาการเริ่มเเรกที่เป็นก็เป็นมาได้5วันเเล้วค่ะ ก่อนจะมีอาการเจ็บคอหนูมีเเผลคล้ายๆร้อนในบริเวณใต้ลิ้นในวันที่ 4 เเละเจ็บคอตัวรุมๆไม่ถึงกับไข้สูงส่วนใหญ่เป็นเฉพาะเวลากลางคืนที่นอนหลับค่ะ เวลากลืนนำ้ลายจะเจ็บคอมากเเต่พอกินนำ้มันดีขึ้นค่ะเเต่ถ้าตื่นมากินยามันจะเเอบจุกๆตรงปลายคอเเต่สักผักก็หายค่ะ หนูควรต้องไปหาหมอไหมคะเเต่ตอนนี้หนูมีตุ้มขึ้นเต็มตัวเเล้วด้วยค่ะ. ปล. วันที่5 ก็เป็นอาการเดียวกันเลยค่ะเเต่กินนำ้มันจะคล่องคอกว่าวันที่ 4 ค่ะขอบคุณนะคะคุณหมอ

     สวัสดีค่ะ คุณ p_2002,

                       อาการของโรคอีสุกอีใส จะเริ่มด้วยมีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร โดยจะเป็น 1-2 วัน หลังจากนั้นไข้จะลง จากนั้นจะเกิดผื่นเป็นตุ่มนูนแดงเล็กๆ มักมีอาการคัน โดยจะเริ่มที่ใบหน้าและลำตัวก่อนจะลามไปที่แขน ขา อาจพบภายในเยื่อบุช่องปากได้ ภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมาผื่นแดงเหล่านี้จะเริ่มกลายเป็นตุ่มพองที่มีน้ำใสๆ และกลายเป็นน้ำขุ่น เป็นอยู่ประมาณ 3-6 วัน ก่อนจะเกิดการตกสะเก็ดในเวลาต่อมา และสะเก็ดก็จะค่อยๆ ลอกจางหายไปภายในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ โดยไม่กลายเป็นแผลเป็น หากไม่ได้มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

                    สำหรับการที่มีแผลคล้ายๆ ร้อนในใต้ลิ้น อาจเป็นแผลร้อนใน (ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีไข้ ไม่สบายได้) หรือเป็นตุ่มของอีสุกอีใสที่แตกออกก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอะไร ก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บในช่องปากตามมาได้ค่ะ ส่วนอาการเจ็บคอ หากดื่มน้ำแล้วดีขึ้น ก็ไม่ได้ถือว่าผิดปกติอะไรค่ะ  

                   ดังนั้น หากอาการเข้ากันได้กับโรคอีสุกอีใส และตุ่มที่ผิวหนังมีลักษณะที่เป็นตุ่มน้ำใส และมีอายุ 19 ปีแล้ว ซึ่งไม่ใช่วัยเด็กเล็ก แนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาทานยาต้านเชื้อไวรัส เพื่อป้องกันความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนของโรคที่มักพบได้บ่อยในผู้ใหญ่และเด็กโตมากกว่าเด็กเล็ก อีกทั้งจะช่วยลดระยะเวลาการป่วยเป็นโรคด้วย

                   ส่วนการดูแลตนเองได้แก่ การดื่มน้ำเปล่ามากๆ หากมีอาการคันมากแนะนำให้ใช้ทานยาแก้แพ้ เช่น chlorpheniramine หรือใช้ยาทาภายนอกอย่างคาลาไมน์โลชั่น เป็นต้น ไม่ไปแกะ เกา ตุ่ม และระวังการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น โดยการไม่ใช้สิ่งของและทานอาหารร่วมกับผู้อื่น การใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน ซึ่งก็น่าจะใส่อยู่แล้วค่ะ