ตกขาวสีเหลือง สาเหตุและสัญญาณที่ควรไปพบแพทย์

ตกขาวสีเหลือง เป็นลักษณะของตกขาวที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงใกล้ถึงรอบเดือน ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตรายใด ๆ อย่างไรก็ตาม ตกขาวในลักษณะนี้ก็ถือเป็นตกขาวที่อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อบริเวณช่องคลอดได้เช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อตกขาวในลักษณะนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ไม่ได้จะใกล้มีประจำเดือน มีกลิ่นเหม็น หรือมีสีออกเขียว

ตกขาวเป็นของเหลวที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยให้ช่องคลอดชุ่มชื้น ปราศจากเชื้อโรคและเซลล์ผิวหนังช่องคลอดที่ตายไปแล้ว ซึ่งถือเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายและไม่ผิดปกติใด ๆ โดยลักษณะทั่วไปของตกขาวจะมีสีขาวใส อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบางอย่างทางสุขภาพอาจส่งผลให้มีสีของตกขาวเปลี่ยนไป มีปริมาณมากขึ้น หรือมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย 

ตกขาวสีเหลือง สาเหตุและสัญญาณที่ควรไปพบแพทย์

5 สาเหตุที่อาจเป็นไปได้ของอาการตกขาวสีเหลือง

ตกขาวสีเหลืองสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยตัวอย่างโรคหรือภาวะผิดปกติทางร่างกายที่อาจเป็นไปได้ก็เช่น

1. ใกล้ช่วงที่ประจำเดือนจะมา

ตกขาวสีเหลืองถือเป็นอาการที่พบได้บ่อยในช่วงที่ประจำเดือนใกล้จะมา เนื่องจากในบางครั้งเลือดประจำเดือนในปริมาณเล็กน้อยอาจปนออกมากับตกขาวได้ อย่างไรก็ตาม ตกขาวที่มีสาเหตุมาจากเลือดประจำเดือนควรจะเป็นตกขาวที่มีสีเหลืองจาง ๆ มีลักษณะเหลว และไม่มีกลิ่นเหม็น เนื่องจากหากตกขาวสีเหลืองมีลักษณะเป็นอย่างอื่นอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะผิดปกทางร่างกายได้

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีช่วงรอบเดือนสั้นหรือใกล้เข้าสู่ช่วงวัยทอง ตกขาวที่ควรจะมีสีขาวหรือสีเหลืองจาง ๆ อาจจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองออกน้ำตาลแทน ซึ่งถือเป็นตกขาวที่อาจเป็นผลมาจากการที่มีเลือดประจำเดือนปนมาและไม่ใช่สัญญาณผิดปกติใด ๆ เช่นกัน

2. การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรือกามโรค (Sexually Transmitted Infection: STI)

การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ถือเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของอาการตกขาวสีเหลือง โดยตัวอย่างโรคในกลุ่มนี้ที่มักพบได้ก็เช่น

  • พยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) กรณีนี้เป็นกรณีที่พบได้บ่อย โดยผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักพบอาการตกขาวมีสีเหลืองหรือสีออกเขียว ร่วมกับอาการตกขาวมีกลิ่นเหม็นและเป็นฟอง นอกจากนี้ อาการอื่น ๆ ที่มักพบได้ก็เช่น คันบริเวณอวัยวะเพศ รู้สึกแสบขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ 
  • หนองในแท้ (Gonorrhea) หรือหนองในเทียม (Chlamydia) นอกจากอาการตกขาวสีเหลืองแล้ว ผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังมักพบอาการตกขาวขุ่นหรือมีสีออกเขียวร่วมด้วย โดยหากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้ออาจแพร่กระจายและนำไปสู่ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบจากการติดเชื้อได้

3. ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Vaginosis)

ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียบริเวณช่องคลอด โดยสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดกลไกนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยบางอย่าง เช่น การตั้งครรภ์ การฉีดน้ำล้างช่องคลอด หรือการไม่ใช้ถุงยางหรือแผ่นยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์

โดยอาการที่มักพบในผู้ป่วยกลุ่มนี้นอกจากอาการตกขาวสีเหลืองก็เช่น ตกขาวมีกลิ่นเหม็น คันบริเวณอวัยวะเพศ และรู้สึกแสบขณะปัสสาวะ

4. ปากมดลูกอักเสบ (Cervicitis)

ปากมดลูกอักเสบอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่ได้บ่อยคือการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็บางมีกรณีเช่นกันที่เกิดโดยมีปัจจัยอื่นเป็นสาเหตุ เช่น การแพ้สารฆ่าเชื้ออสุจิ แพ้ถุงยาง หรือร่างกายตอบสนองต่อสารบางชนิดในผ้าอนามัยแบบสอดผิดปกติไป

ผู้ป่วยปากมดลูกอักเสบบางรายอาจไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ แต่สำหรับผู้ป่วยรายที่มีอาการ นอกจากจะพบตกขาวสีเหลืองแล้ว ผู้ป่วยยังอาจพบอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย ได้แก่ มีตกขาวมาก ตกขาวมีลักษณะคล้ายหนอง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น ตกขาวมีสีออกเขียวหรือน้ำตาล ปัสสาวะบ่อย เจ็บขณะปัสสาวะและขณะมีเพศสัมพันธ์ ปวดหลัง รู้สึกแน่นอุ้งเชิงกราน และมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์

5. ช่องคลอดอักเสบ (Vaginitis)

ช่องคลอดอักเสบเป็นภาวะที่อาจเกิดได้จากทั้งการติดเชื้อ หรือการระคายเคืองจากการแพ้สารบางชนิดในสบู่ โดยอาการที่อาจพบได้นอกจากตกขาวสีเหลืองก็เช่น คันช่องคลอด ตกขาวมีกลิ่นเหม็น รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ รู้สึกแสบขณะปัสสาวะ หรือพบเลือดออกจากช่องคลอด

นอกจากสาเหตุข้างต้นแล้ว ในบางคนยังอาจพบว่าอาการตกขาวสีเหลืองมักเกิดขึ้นหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน หรือการรับประทานอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางชนิดก็ได้เช่นกัน แต่เป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก

ตกขาวสีเหลือง ควรไปพบแพทย์หรือไม่

แม้ว่าในบางกรณี อาการตกขาวสีเหลืองจะเป็นอาการที่ไม่เป็นอันตราย เช่น ตกขาวที่ไม่มีอาการที่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อร่วมด้วย อย่างตกขาวสีเหลืองที่มาในช่วงใกล้รอบเดือน หรือตกขาวสีเหลืองที่เกิดขึ้นหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิด แต่โดยมากอาการตกขาวสีเหลืองมักเป็นผลมาจากการติดเชื้อ

ดังนั้น ผู้ที่มีตกขาวสีเหลืองควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจที่เหมาะสม โดยเฉพาะผู้ที่พบอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย ได้แก่ 

  • ตกขาวมีกลิ่นเหม็น 
  • ตกขาวเป็นฟอง 
  • คันช่องคลอด 
  • รู้สึกแสบขณะปัสสาวะ 
  • มีอาการใด ๆ ที่เกิดบริเวณช่องคลอด 

เนื่องจากการได้รับการรักษาจากแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนชนิดอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้