Methylene Blue (เมทิลีน บลู)

Methylene Blue (เมทิลีน บลู)

Methylene Blue (เมทิลีน บลู) เป็นสารประกอบเคมีสีเขียวเข้มที่เมื่อละลายน้ำจะกลายเป็นสีฟ้า ใช้รักษาภาวะเมทฮีโมโกลบินีเมีย (Methemoglobinemia) ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะขาดออกซิเจนหรือมีระดับเมทฮีโมโกลบินเกิน 25-30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะทำให้ฮีโมโกลบินไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ และอาจทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หัวใจเต้นแรง หอบ และหายใจเร็ว หรือหากมีระดับเมทฮีโมโกลบินสูงมาก ผู้ป่วยอาจถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ Methylene Blue อาจถูกนำมาใช้ประกอบกับการทดสอบทางการแพทย์บางชนิดหรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

Methylene Blue

ยา Methylene Blue มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

เกี่ยวกับยา Methylene Blue

กลุ่มยา ยาต้านพิษ (Antidotes)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ รักษาภาวะเมทฮีโมโกลบินีเมีย
กลุ่มผู้ป่วย เด็กและผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาฉีด

คำเตือนในการใช้ยา Methylene Blue

  • ห้ามใช้ยา Methylene Blue หากมีประวัติแพ้ยานี้หรือยาที่มีส่วนประกอบของยานี้
  • ห้ามใช้ยา Methylene Blue หากมีภาวะพร่องเอนไซม์จีซิกพีดี (G-6-PD) เพราะจะส่งผลให้การรักษาไม่ได้ผลและทำให้เม็ดเลือดแดงแตก
  • ผู้ที่มีภาวะไตวายรุนแรงห้ามใช้ยานี้
  • หากได้รับยานี้มากเกินไปหรือมากกว่า 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม อาจทำให้เม็ดเลือดแดงเกิดการแตกตัวและเกิดภาวะโลหิตจางได้
  • การใช้ยานี้อาจทำให้ผลการวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดคลาดเคลื่อนเมื่ออ่านด้วยเครื่องตรวจความอิ่มตัวของออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง โดยจะส่งผลให้ผู้ใช้ยามีค่าออกซิเจนในเลือดต่ำกว่าปกติ
  • การใช้ยานี้อาจทำให้ผลการอ่านค่าการทำงานของสมองลดลง หากผู้ป่วยใช้ยานี้ในระหว่างการผ่าตัด แพทย์จะใช้วิธีอื่น ๆ ในการตรวจสอบความลึกของการสลบที่เกิดจากการให้ยาสลบ
  • การใช้ยา Methylene Blue อาจทำให้ผลการตรวจปัสสาวะบางชนิดคลาดเคลื่อน เพราะยาซึมผ่านเข้าสู่ปัสสาวะได้
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ควรหลีกเลี่ยงการขับรถและการทำงานหรือกิจกรรมที่เสี่ยงอันตราย เพราะยาอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ สับสน และมองเห็นไม่ชัด
  • ผู้ป่วยโรคตับและไตควรได้รับการตรวจค่าความเป็นพิษและผลข้างเคียงจากการใช้ยานี้เป็นเวลานาน
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ ให้ระมัดระวังการใช้ยาซีโรโทเนอร์จิก (Serotonergic) เช่น ยากลุ่มเอสเอสอาร์ไอ (Selective Serotonin Reuptake Inhibitors: SSRIs) เพราะเสี่ยงก่อให้เกิดกลุ่มอาการซีโรโทนิน ซึ่งอาจทำให้มีอาการ เช่น สับสน กระสับกระส่าย ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ เป็นต้น
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้ยานี้ เพราะยาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ เพราะมียาหลายชนิดที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้ เช่น ยาวาร์ฟาริน ยาเฟนทานิล ยาไดจอกซิน ยาดิจิทาลิส ยาไดไฮโดรเออร์โกตามีน เป็นต้น
  • ห้ามให้นมบุตรในช่วง 8 วัน หลังจากได้รับยานี้
  • ยานี้อาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดด ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หลังจากได้รับยา

ปริมาณการใช้ยา Methylene Blue

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

ภาวะเมทฮีโมโกลบินีเมีย (Methemoglobinemia)

ผู้ใหญ่ ให้สารละลาย Methylene Blue 1 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณปกติ 0.1-0.2 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือ 1-2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือ 5-10 มิลลิลิตร โดยให้ยาทางหลอดเลือดดำช้า ๆ เป็นระยะเวลา 5-30 นาที แล้วฉีดน้ำกลั่นตาม 15-30 มิลลิลิตรทันทีเพื่อลดอาการปวดเฉพาะที่ และให้สารละลายซ้ำได้ภายใน 30-60 นาที ห้ามฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อเพราะอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อตายได้

การใช้ยา Methylene Blue

  • ในระหว่างที่ให้ยา Methylene Blue แพทย์จะคอยตรวจสอบการหายใจ ความดันโลหิต ระดับออกซิเจน การทำงานของไต และอาการอื่น ๆ ของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องมีการตรวจเลือดเพื่อดูว่าการใช้ยาได้ผลหรือไม่
  • หากผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยาเป็นครั้งที่ 2 จะต้องรอให้เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง หลังจากได้รับยาครั้งที่ 1
  • การใช้ยานี้อาจทำให้สีของปัสสาวะและอุจจาระเปลี่ยนเป็นสีฟ้าหรือสีเขียว ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปจากการใช้ยาและไม่เป็นอันตราย

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Methylene Blue

การใช้ยา Methylene Blue อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ดังนี้

  • วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ
  • เหงื่อออก รู้สึกร้อน
  • แสบร้อนในปากหรือท้อง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • มีอาการปวดบริเวณที่ฉีดยา
  • ปัสสาวะขัดหรือปัสสาวะบ่อย
  • ผิวหนังและเยื่อเมือกตามร่างกายเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
  • ปวดแขนหรือขา
  • ปัสสาวะสีฟ้าหรือสีเขียว
  • การรับรสชาติอาหารเปลี่ยนแปลง
  • เนื้อเยื่อตายเนื่องจากยารั่วออกนอกเส้นเลือดในระหว่างที่ฉีดยา

หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Methylene Blue ดังต่อไปนี้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที

  • มีระดับของสารเซโรโทนินในร่างกายสูง อาจทำให้เกิดอาการ เช่น กระสับกระส่าย หลอน มีไข้ หัวใจเต้นเร็ว มีปฏิกิริยาตอบสนองไวกว่าปกติ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เสียการทรงตัว และเป็นลม
  • ภาวะโลหิตจางจากการใช้ยาเป็นเวลานาน
  • อาการเจ็บหน้าอก หายใจเร็ว และวิตกกังวล เนื่องจากการใช้ยาในปริมาณมาก
  • สับสนหรืออ่อนเพลีย
  • ผิวซีดหรือผิวเหลือง
  • ปัสสาวะสีเข้ม
  • มีไข้

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน