เมทฟอร์มิน (Metformin)

เมทฟอร์มิน (Metformin)

Metformin (เมทฟอร์มิน) เป็นยารักษาโรคเบาหวาน ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งมีภาวะดื้ออินซูลิน โดยจะใช้รักษาร่วมกับอินซูลินหรือยาชนิดอื่นด้วย ตัวยาจะช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหรือกลูโคส โดยลดกระบวนการสร้างกลูโคสจากตับ ลดการดูดซึมกลูโคสภายในลำไส้ และกระตุ้นความไวต่ออินซูลินในร่างกาย ทำให้มีการนำกลูโคสกลับเข้าไปในเซลล์และนำกลูโคสไปใช้เพิ่มขึ้น

Metformin

เกี่ยวกับยา Metformin

กลุ่มยา ยารักษาโรคเบาหวาน (Antidiabetic Agents)
ประเภทยา ยาตามใบแพทย์สั่ง
สรรพคุณ รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
กลุ่มผู้ป่วย เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร ยังไม่มีการจัดหมวดหมู่ของยาชนิดนี้จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาหรือ FDA ซึ่งยาอาจส่งผลกระทบต่อมารดาหรือทารกในครรภ์ได้ และผู้ที่กำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา เพราะตัวยาสามารถขับออกทางน้ำนมและอาจส่งผลกระทบต่อทารก
รูปแบบของยา ยาเม็ด

คำเตือนในการใช้ยา Metformin

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยา Metformin ผู้ใช้ยาควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา Metformin ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยาคลอร์โพรพาไมด์ (Chlorpropamide) อยู่แล้วควรแจ้งแพทย์ก่อนการใช้ยา Metformin เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้ยาซ้ำซ้อน
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 โรคไต โรคตับ มีภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง และมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดเป็นกรด
  • ห้ามใช้ยาในเด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ปี และหากเป็นยากลุ่มที่ออกฤทธิ์นาน (Extended-release Formulations) ห้ามใช้ยาในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
  • ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 80 ปี และยังไม่เคยตรวจการทำงานของไตมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา เพราะยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่ายา Metformin สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยในผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร 
  • การใช้ยา Metformin เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยจะต้องรักษาร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอด้วย

ปริมาณการใช้ยา Metformin

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยา Metformin ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยตัวอย่างการใช้ยา Metformin เพื่อรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีดังนี้

เด็ก ให้รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 1–2 ครั้ง โดยปริมาณยาสูงสุดไม่ควรเกินวันละ 2,000 มิลลิกรัม
ผู้ใหญ่ ให้รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หรือรับประทานครั้งละ 850 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง หากเป็นยาชนิดออกฤทธิ์นานให้รับประทานครั้งละ 500–1,000 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยปริมาณยาสูงสุดไม่ควรเกินวันละ 2,000–2,550 มิลลิกรัม

การใช้ยา Metformin

การใช้ยา Metformin จะใช้ในกรณีที่มีการวินิจฉัยพบว่าป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และการใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำสั่งของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองโดยเด็ดขาด การรับประทานยาควรรับประทานหลังอาหาร โดยให้กลืนยาลงไปในคราวเดียว ไม่ควรหักหรือกัดยาขณะที่รับประทาน 

ผู้ป่วยไม่ควรปรับปริมาณการรับประทานยาเองโดยไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด รวมถึงการใช้ยาในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงจนเป็นอันตราย และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดเป็นกรด (Lactic Acidosis) ได้ด้วย

ในกรณีที่ลืมรับประทานยา ควรรับประทานยาให้เร็วที่สุดเมื่อนึกขึ้นได้ แต่ถ้านึกขึ้นได้ตอนใกล้กับเวลารับประทานยามื้อถัดไปให้รับประทานยาในครั้งถัดไปเพียงครั้งเดียว และควรเก็บยาในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงความชื้น ความร้อน และแสง เพราะอาจทำให้ยาเสื่อมสภาพได้

ปฏิกิริยาระหว่างยา Metformin กับยาอื่น

ยา Metformin อาจทำปฏิกิริยากับยา วิตามิน หรือสมุนไพรบางชนิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะยาต่อไปนี้

  • ยากลุ่มคาร์บอนิก แอนไฮเดรส อินฮิบิเตอร์ (Carbonic Anhydrase Inhibitors) ยาแก้ปวดกลุ่มเอ็นเสดยาขับปัสสาวะ สารทึบรังสีที่มีไอโอดีนเป็นส่วนประกอบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดเป็นกรด
  • ยารักษาโรคเบาหวานชนิดอื่น เช่น ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) และยากลุ่มเมกลิทิไนด์ (Meglitinides) เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ยากันชักเฟนิโทอิน (Phenytoin) ยาคุมกำเนิด และยาขับปัสสาวะ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง 
  • ยาที่ออกฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาวาฟาริน (Warfarin) เพราะอาจลดประสิทธิภาพของยาในการต้านการแข็งตัวของเลือด

ตัวอย่างยาและสมุนไพรดังข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อาจทำปฏิกิริยากับยา Metformin เท่านั้น หากผู้ป่วยกำลังใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ อยู่ ควรแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Metformin

การใช้ยา Metformin อาจทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดชนิดอันตรายถึงแก่ชีวิต โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคตับ โรคไต หัวใจวาย มีภาวะติดเชื้อรุนแรง มีภาวะขาดน้ำ หรือผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก 

ผลข้างเคียงอื่น ๆ จากการใช้ยา Metformin ที่มักพบได้บ่อย เช่น 

  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • หายใจเร็ว หรือหายใจตื้น
  • มีไข้ หนาวสั่น
  • รู้สึกไม่สบายตัว
  • รู้สึกไม่สบายท้อง
  • ปวดหลัง หรือปวดกล้ามเนื้อ
  • ปัสสาวะติดขัด
  • ง่วงซึมตลอดเวลา
  • มีภาวะขาดวิตามินบี 12 

นอกจากนี้ ยังมีอาการข้างเคียงที่พบได้น้อย เช่น ปวดศีรษะ แน่นหน้าอก มองไม่ชัด เหงื่อออกมาก หิวบ่อย ผิวซีดลง วิตกกังวล ซึมเศร้า และหัวใจเต้นผิดจังหวะ หากพบอาการข้างเคียงใด ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ โดยแพทย์อาจปรับลดปริมาณยา หรือเปลี่ยนยาที่ใช้ในการรักษาเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย