Imipramine (อิมิพรามีน)

Imipramine (อิมิพรามีน)

Imipramine (อิมิพรามีน) เป็นยาต้านเศร้ากลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic Antidepressants: TCA) ที่นำมาใช้รักษาโรคซึมเศร้า โดยยาจะช่วยฟื้นฟูความสมดุลของสารเคมีในสมองอย่างสารนอร์เอพิเนฟริน หรือใช้รักษาอาการปัสสาวะรดที่นอน โดยยาอาจช่วยยับยั้งผลกระทบจากสารตามธรรมชาติอย่างสารแอซิติลโคลีนในกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ อาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

ยา Imipramine มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

1578 Imipramine Resized

เกี่ยวกับยา Imipramine

กลุ่มยา ยารักษาโรคซึมเศร้า
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ รักษาโรคซึมเศร้า และอาการปัสสาวะรดที่นอน
กลุ่มผู้ป่วย เด็ก ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน

คำเตือนในการใช้ยา Imipramine

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยา Imipramine หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบใด ๆ ของยาชนิดนี้ รวมถึงยารักษาโรคซึมเศร้าชนิดอื่น ๆ เช่น ยาอะมิทริปไทลีน ยาอะม็อกซาปีน ยาโคลมิพรามีน เป็นต้น
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อใช้ด้วยตนเอง วิตามิน และสมุนไพร เพราะมียาหลายชนิดที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ เช่น ยาโรคซึมเศร้าชนิดอื่น ๆ ยาไซเมทิดีน ยาโคลนิดีน เป็นต้น
  • ผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันไม่ควรใช้ยา Imipramine
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยา Imipramine หากผู้ป่วยใช้ยารักษาโรคซึมเศร้ากลุ่ม MAO Inhibitor ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา เช่น ยาลีเนโซลิด ยาเซเลจิลีน เป็นต้น เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้ หากเป็นโรคหัวใจหรือมีประวัติเป็นโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง มีอาการชัก โรคไบโพลาร์ โรคจิตเภทหรือป่วยทางจิต โรคไต โรคตับ เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต โรคเบาหวาน โรคต้อหินชนิดมุมปิด มีปัญหาในการปัสสาวะ หรือมีภาวะทางจิตเวชที่ต้องรักษาด้วยไฟฟ้า
  • ยา Imipramine อาจทำให้ผู้ป่วยที่ใช้ยาครั้งแรกมีความคิดฆ่าตัวตาย ในระหว่างที่ใช้ยานี้ ควรสังเกตอาการผิดปกติและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หากพบความผิดปกติใด ๆ ให้ไปพบแพทย์ทันที
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อนใช้เสมอ
  • ผู้สูงอายุควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาสูง
  • ห้ามใช้ยา Imipramine รักษาโรคซึมเศร้าในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ และไม่ใช้ยานี้รักษาอาการปัสสาวะรดที่นอนในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบในระหว่างที่ใช้ยา Imipramine เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
  • ระหว่างที่ใช้ยานี้ ให้ระมัดระวังการทำกิจกรรมที่ต้องมีความตื่นตัว เพราะยาอาจทำให้ความคิดหรือการตอบสนองของร่างกายบกพร่องได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดระหว่างที่ใช้ยานี้ เพราะยาอาจทำให้ผิวไวต่อแสงและไหม้แดดได้ง่าย นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรป้องกันตนเองจากแสงแดดด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด และทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกไปกลางแจ้ง

ปริมาณการใช้ยา Imipramine

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

โรคซึมเศร้า

ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 75 มิลลิกรัม โดยแบ่งรับประทานหลายครั้ง หากจำเป็นอาจค่อย ๆ เพิ่มปริมาณยาจนถึง 150-200 มิลลิกรัม/วัน แต่ปริมาณยาสูงสุดต้องไม่เกิน 300 มิลลิกรัม/วัน

ผู้สูงอายุ รับประทานยาปริมาณเริ่มต้น 10 มิลลิกรัม อาจค่อย ๆ เพิ่มปริมาณยาจนถึง 30-50 มิลลิกรัม/วัน

อาการปัสสาวะรดที่นอน

เด็ก

  • อายุ 6-7 ปี น้ำหนัก 20-25 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 25 มิลลิกรัม
  • อายุ 8-11 ปี น้ำหนัก 25-35 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 25-50 มิลลิกรัม
  • อายุ 11 ปี น้ำหนัก 35-54 กิโลกรัม รับประทานยาปริมาณ 50-75 มิลลิกรัม

ทั้งนี้ ทุกช่วงอายุและน้ำหนักตัว ให้รับประทานยาในเวลาก่อนนอน โดยระยะเวลาในการใช้ยารักษาไม่ควรเกิน 3 เดือน

การใช้ยา Imipramine

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ใช้ยาในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้ เพราะผู้ป่วยอาจต้องหยุดใช้ยาชั่วคราว
  • ให้ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดแม้ว่าอาการจะยังไม่ดีขึ้น เพราะอาจต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นผลการรักษา
  • แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
  • ห้ามหยุดใช้ยาอย่างกะทันหันโดยไม่ปรึกษาแพทย์
  • หากลืมรับประทานยาตามกำหนด ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้กับเวลาที่ต้องรับประทานยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป และห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความร้อน แสงแดด และความชื้น รวมทั้งปิดฝาขวดยาให้สนิทเมื่อไม่ได้ใช้

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Imipramine

การใช้ยา Imipramine อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น รู้สึกอ่อนแรง ปวดคล้ายเข็มทิ่ม ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เหมือนปกติ ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ท้องเสีย มีเสียงดังในหู หน้าอกโตขึ้น สมรรภภาพทางเพศลดลง เป็นต้น หากอาการดังกล่าวไม่หายไปหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์

หากพบผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยา Imipramine ดังต่อไปนี้ ควรหยุดใช้ยาและไปพบแพทย์ทันที

  • อาการแพ้ยา เช่น ลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม และคอบวม เป็นต้น
  • มองเห็นไม่ชัด มองเห็นเฉพาะสิ่งที่อยู่ด้านหน้า มองเห็นรัศมีรอบแสงไฟ เจ็บตา ตาบวม
  • รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม
  • เจ็บหน้าอก ใจสั่น
  • มีอาการชาหรืออ่อนแรงอย่างฉับพลัน
  • มีปัญหาในการมองเห็น การพูด หรือการทรงตัว
  • มีไข้ เจ็บคอ
  • ปัสสาวะลำบากหรือเจ็บขณะปัสสาวะ
  • ดีซ่าน หรือตัวเหลืองตาเหลือง
  • สับสน ประสาทหลอน ความคิดหรือพฤติกรรมผิดปกติ
  • อาการชัก

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยเช่นกัน