Fluconazole (ฟลูโคนาโซล)

Fluconazole (ฟลูโคนาโซล)

Fluconazole (ฟลูโคนาโซล) เป็นยาที่ใช้ในการป้องกันและรักษาอาการติดเชื้อราในกลุ่มเอโซล (Azole Antifungal) โดยกลไกในการทำงานของยาคือ ตัวยาจะเข้าไปก่อกวนการก่อตัวของเยื่อบุเซลล์เชื้อรา ทำให้เชื้อราค่อย ๆ ตาย ยา Fluconazole มักใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อราที่ผิวหนัง การติดเชื้อในกระแสเลือด รวมไปถึงป้องกันการติดเชื้อราของผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และโรคเอดส์

Fluconazole

เกี่ยวกับยา Fluconazole

กลุ่มยา ยารักษาและป้องกันการติดเชื้อรา (Antifungal)
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ รักษาและป้องกันการติดเชื้อรา
กลุ่มผู้ป่วย เด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาฉีด และยาเม็ด

คำเตือนเกี่ยวกับยา Fluconazole

  • ผู้ที่มีอาการแพ้ยา Fluconazole หรือส่วนประกอบของยาดังกล่าวไม่ควรใช้ยานี้
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาแอสเทมมีโซล (Astemizole) ซิซาไพรด์ (Cisapride) หรือสารในกลุ่มเออร์กอตแอลคาลอยด์ (Ergot Alkaloids) ไม่ควรใช้ยานี้
  • สตรีมีครรภ์และอยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งกับแพทย์ก่อนได้รับยาชนิดนี้
  • หากผู้ป่วยมีการใช้ยาอื่น ๆ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนใช้ยานี้ เพราะยา Fluconazole อาจส่งผลต่อยาที่ใช้อยู่ได้
  • ผู้ที่มีอาการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้สารต่าง ๆ ควรระมัดระวังในการใช้ยานี้
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้หากผู้ป่วยมีประวัติแพ้ยารักษาอาการติดเชื้อราในกลุ่มเอโซล (Azole Antifungal)
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจ ตับ และไต ควรแจ้งแพทย์ก่อนใช้ยา
  • ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โรคเบาหวาน มะเร็ง และปัญหาเกี่ยวกับเกลือแร่ในเลือด ต้องแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษาด้วยยาชนิดนี้

ปริมาณการใช้ยา Fluconazole

ยาฉีด

ป้องกันการติดเชื้อราของผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

  • เด็ก
    • อายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์ ให้ 3-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 72 ชั่วโมง
    • อายุ 2-4 สัปดาห์ 3-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 48 ชั่วโมง
    • อายุมากกว่า 4 สัปดาห์ ให้ 3-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุกวัน แต่ไม่เกินวันละ 400 มิลลิกรัม
  • ผู้ใหญ่ 50-400 มิลลิกรัม ทุกวัน

รักษาอาการติดเชื้อคริปโตค็อกคัส (Cryptococcus Neoformans) และการติดเชื้อราแคนดิดาในกระแสเลือด

  • เด็ก  
    • อายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์ ให้ 6-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 72 ชั่วโมง
    • อายุ 2-4 สัปดาห์ 6-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 48 ชั่วโมง
    • อายุมากกว่า 4 สัปดาห์ ให้ 6-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุกวัน แต่ไม่เกินวันละ 400 มิลลิกรัม
  • ผู้ใหญ่
    • เบื้องต้นให้ 400 มิลลิกรัม จากนั้นให้ครั้งละ 200-400 มิลลิกรัม วันละครั้ง ระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษา หากเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจะใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์
    • ผู้ป่วยโรคเอดส์เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ ให้วันละ 100-200 มิลลิกรัมต่อวัน

ยารับประทาน

รักษาการติดเชื้อราที่ผิวหนังชั้นนอก

 

  • เด็ก
  • อายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์ เบื้องต้นให้ 6 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตามด้วย 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 72 ชั่วโมง
  • อายุ 2-4 สัปดาห์ เบื้องต้นให้ 6 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 48 ชั่วโมง ตามด้วย 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • อายุมากกว่า 4 สัปดาห์ เบื้องต้นให้ 6 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 48 ชั่วโมง ตามด้วย 3 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุกวัน แต่ไม่เกินวันละ 400 มิลลิกรัม
  • ผู้ใหญ่ 50 มิลลิกรัมทุกวัน อาจสามารถเพิ่มเป็นวันละ 100 มิลลิกรัมได้หากจำเป็น ระยะเวลาในการรักษา 7-30 วัน ขึ้นอยู่กับประเภทการติดเชื้อ

รักษาอาการติดเชื้อคริปโตค็อกคัส (Cryptococcus Neoformans) และการติดเชื้อราแคนดิดาในกระแสเลือด

เด็ก

  • อายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์ ให้ 6-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 72 ชั่วโมง
  • อายุ 2-4 สัปดาห์ 6-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 48 ชั่วโมง
  • อายุมากกว่า 4 สัปดาห์ ให้ 6-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุกวัน แต่ไม่เกินวันละ 400 มิลลิกรัม

ผู้ใหญ่

  • เบื้องต้นให้ 400 มิลลิกรัม ตามด้วย 200-400 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อการรักษา หากเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจะใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์
  • ผู้ป่วยโรคเอดส์เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ ให้วันละ 100 - 200 มิลลิกรัมต่อวัน

ป้องกันการติดเชื้อราของผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

เด็ก

  • อายุน้อยกว่า 2 สัปดาห์ ให้ 3-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 72 ชั่วโมง
  • อายุ 2-4 สัปดาห์ 3-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก ๆ 48 ชั่วโมง
  • อายุมากกว่า 4 สัปดาห์ ให้ 3-12 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุกวัน แต่ไม่เกินวันละ 400 มิลลิกรัม

 

 

ผู้ใหญ่ 50-400 มิลลิกรัม ทุกวัน

รักษาโรคกลาก เกลื้อนและติดเชื้อราที่อวัยวะเพศ

  • ผู้ใหญ่ 50 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกัน 6 สัปดาห์

รักษาอาการติดเชื้อราที่ปลายอวัยวะเพศชาย หรือที่ช่องคลอดของผู้หญิง

  • ผู้ใหญ่ ครั้งละ 150 มิลลิกรัม

การใช้ยา Fluconazole

 

ยา Fluconazole เป็นยาที่ต้องใช้ตามใบสั่งแพทย์เท่านั้น เพราะเป็นยาที่มีผลข้างเคียง และเป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาเชื้อราเท่านั้น ไม่สามารถรักษาในกรณีของการติดเชื้อไวรัส เช่น โรคไข้หวัดใหญ่หรือโรคไข้หวัดได้ โดยการใช้ยาชนิดรับประทาน สามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ และควรรับประทานห่างจากยาลดกรดอย่างน้อย 2 ชั่วโมง

ในการรับประทานยา Fluconazole แม้จะหายแล้วก็ควรรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง และควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้ยาสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งควรรับประทานยาให้ตรงเวลา และเป็นเวลาเดียวกันในทุก ๆ วัน หากลืมรับประทานยา ควรรีบรับประทานยาให้เร็วที่สุด แต่ถ้าหากใกล้ถึงเวลาที่จะรับประทานครั้งต่อไปแล้ว ควรรอให้ถึงเวลาแล้วค่อยรับประทาน ไม่ควรเพิ่มขนาดของยาหากลืมรับประทานยา

นอกจากนี้ยังไม่ควรรับประทานยากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานกับเครื่องจักรกลหากต้องรับประทานยาดังกล่าว อีกทั้งยังควรแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ หากผู้ป่วยต้องทำการรักษาในระหว่างการใช้ยานี้ หากใช้ยาในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อซ้ำได้ จึงควรระมัดระวังและหมั่นปรึกษาแพทย์

สำหรับสตรีที่ใช้ยาคุมกำเนิด ยานี้อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง จึงควรใช้วิธีคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย

ยา Fluconazole เป็นยาอันตราย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงในการใช้ยากับผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร อีกทั้งผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้ห้ามใช้ยาดังกล่าวโดยเด็ดขาด และหากต้องเข้ารับการตรวจการทำงานของตับ หรือไต ควรแจ้งแพทย์ก่อนว่ามีการใช้ยานี้ ที่สำคัญ หากใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น มีผื่นขึ้น หรือมีอาการอื่น ๆ ที่ไม่พึงประสงค์ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Fluconazole

ผลข้างเคียงที่มักพบคืออาการปวดศีรษะ ท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ อาหารไม่ย่อย ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และลิ้นเปลี่ยนรส นอกจากนี้ยังอาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ไม่สามารถระบุได้ ดังนั้นควรไปพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติในร่างกาย ผู้ที่แพ้ยาจะมีอาการค่อนข้างรุนแรง โดยจะมี ผื่นขึ้น คัน หายใจลำบาก แน่นหน้าอก ใบหน้าบวมและหายใจมีเสียง ซึ่งหากพบอาการเหล่านี้ควรรีบแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินโดยทันที

นอกจากนี้หากรับประทานยาเกินขนาดก็อาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการตื่นตระหนก หวาดกลัว หรือมีสภาพจิตใจที่เปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังอาจเห็นภาพหลอน หูแว่ว หรือมีสัมผัสผิดเพี้ยนได้อีกด้วย