12 เคล็ดลับ สลายไขมันหน้าท้องให้ได้ผล !

เคยมั้ย ? ออกกำลังกายก็แล้ว กินคลีนก็แล้ว แต่ไขมันตรงหน้าท้องก็ไม่ยอมหายไปสักที !

1819 12 เคล็ดลับสลายไขมันหน้าท้องให้ได้ผล rs

การลดพุงอาจทำให้หลายคนรู้สึกท้อใจ เพราะกว่าจะลดได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งไขมันตรงหน้าท้องนี้นับเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมามากมายได้ แถมยังทำให้รู้สึกตัวบวมและอึดอัดอีกต่างหาก

วันนี้ เรามีเคล็ดลับสลายไขมันหน้าท้องที่ได้ผลมาฝากกัน เพื่อช่วยให้หน้าท้องของคุณแบนราบ พร้อมมีหุ่นสวย ๆ ไว้อวดโฉม โดยทำตามวิธีง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

  1. กินของว่างระหว่างมื้อ

หลายคนคงคิดว่าการกินของว่างระหว่างมื้อจะทำให้อ้วนและลงพุงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกินของว่างระหว่างมื้ออาหารในช่วง 3-4 โมงเย็น อาจช่วยกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึม และอาจช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุลกับระดับฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ควรกินอาหารที่มีน้ำตาลหรือแคลอรี่สูง ให้เลือกกินอาหารโปรตีนสูงอย่างโปรตีนบาร์ ชีสไขมันต่ำ หรืออัลมอนด์แทนในปริมาณเล็กน้อย

  1. งดกินอาหารแปรรูป

แม้ว่าอาหารแปรรูปอย่างขนมปังขาว ขนมอบกรอบ มันฝรั่งทอด น้ำอัดลม และขนมหวานต่าง ๆ จะมีรสชาติที่ถูกปากและเป็นอาหารโปรดของใครหลายคน แต่อาหารเหล่านี้อาจเพิ่มการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกำจัดไขมันที่สะสมบริเวณท้องได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารแปรรูป แล้วหันมาเลือกกินอาหารสดใหม่จากธรรมชาติอย่างผัก ผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ขัดสี ซึ่งอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและมีคุณสมบัติต้านการอักเสบด้วย

  1. ลดการกินแป้ง

การจำกัดปริมาณอาหารจำพวกแป้งให้น้อยลงนั้นส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการลดน้ำหนัก และยังช่วยลดไขมันที่สะสมตามอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงไขมันรอบเอวได้ด้วย นอกจากนี้ มีงานวิจัยที่ชี้ว่าการกินคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งชนิดที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปแทนการกินแป้งขัดสี ช่วยส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญให้ดีขึ้น ลดไขมันรอบเอว และลดไขมันสะสมบริเวณท้องด้วยเช่นกัน

  1. เพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์

ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารที่มักพบในผักผลไม้ โดยเฉพาะไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ จะช่วยดูดซึมน้ำและชะลอการลำเลียงอาหารให้เคลื่อนไปยังทางเดินอาหารได้ช้าลง ซึ่งช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น นอกจากนี้ การกินไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำยังช่วยลดการสะสมไขมันตามอวัยวะต่าง ๆ ส่งผลให้ไขมันรอบเอวลดลง และเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพน้อยลงด้วย โดยตัวอย่างแหล่งอาหารของไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ คือ ข้าวโอ๊ต เมล็ดแฟลกซ์ อะโวคาโด ถั่วเมล็ดแห้ง และแบล็คเบอร์รี่

  1. ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหรือแอโรบิก อย่างเดินเร็ว วิ่ง และปั่นจักรยาน เป็นทางเลือกที่ดีในการสลายไขมันและช่วยให้มีสุขภาพดี จากงานค้นคว้าหลายชิ้นพบว่า การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอช่วยเพิ่มความแข็งแรงบริเวณลำตัว อีกทั้งยังช่วยลดไขมันส่วนเกินหรือห่วงยางไขมันที่อยู่รอบเอวด้วย โดยควรทำอย่างต่อเนื่องที่ระดับความเข้มข้นปานกลางไปถึงสูง ทำอย่างน้อยวันละ 20-40 นาที หรือประมาณ 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ เพียงเท่านี้ไขมันหน้าท้องก็จะหมดไปและเหลือไว้แต่พุงที่แบนราบ

  1. ยกเวท

การฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นด้วยการยกเวทจะช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญแคลอรี่ในแต่ละวันได้มากขึ้น นอกจากนี้ การยกเวทยังช่วยให้กล้ามเนื้อลำตัวกระชับและช่วยลดขนาดรอบเอวได้อีกด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการลดไขมันหน้าท้อง ควรยกเวทควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอด้วย

  1. ดื่มเครื่องดื่มสูตรพิเศษ

หลายคนคงเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลอาจช่วยลดน้ำหนักได้ โดยอาจผสมน้ำส้มสายชูหมักจากผลแอปเปิ้ลปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ กับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำอุ่น 1 แก้ว แล้วดื่มวันละครั้ง หรืออาจผสมสูตรเครื่องดื่มดังกล่าวลงในน้ำสลัดเพื่อเพิ่มความอร่อยได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงพอที่จะยืนยันประสิทธิภาพของน้ำส้มสายชูหมักจากผลแอปเปิ้ลในด้านนี้ได้ในขณะนี้ ดังนั้น ไม่ควรดื่มน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเพียงอย่างเดียว และไม่ควรดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะกรดจากน้ำส้มสายชูอาจทำให้ฟันสึก ระคายเคืองลำคอ และกรดอาจกัดกร่อนระบบทางเดินอาหารได้

  1. อ่านฉลากก่อนซื้อเสมอ

ก่อนซื้ออาหารใด ๆ ควรอ่านฉลากโภชนาการแล้วเปรียบเทียบปริมาณสารอาหารให้ดีก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อนั้นไม่มีส่วนประกอบที่เป็นน้ำตาล เกลือ หรือไขมันในปริมาณมากเกินไป เช่น แม้เป็นโยเกิร์ตไขมันต่ำ แต่ก็มักมีปริมาณคาร์โบไดรตและน้ำตาลสูงกว่าโยเกิร์ตธรรมดา เป็นต้น นอกจากนี้ หากไม่อยากพุงยื่น ควรระมัดระวังในการเลือกซื้อมายองเนส ซอสปรุงรสต่าง ๆ และน้ำสลัดด้วย เพราะอาหารเหล่านี้มักมีไขมันและแคลอรี่สูงมากเลยทีเดียว

  1. ออกกำลังกายแบบ HIIT

การออกกำลังกายแบบหนักสลับเบาหรือ HIIT (High-Intensity Interval Training) ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ขณะนี้อาจช่วยสลายไขมันได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานด้วย ใครอยากมีหน้าท้องที่แบนราบก็ลองออกกำลังกายด้วยวิธีนี้กัน ทำได้โดยวิ่งเร็ว กระโดด หรือปั่นจักรยานสลับกับการหยุดพักเป็นช่วงสั้น ๆ และให้ทำติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 10-20 นาที

  1. ดื่มน้ำ

การดื่มน้ำก็ช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้ เพราะจะช่วยกระตุ้นอัตราการเผาผลาญพลังงาน ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องเร็วขึ้นและกินอาหารได้น้อยลง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและป้องกันปัญหาท้องอืดด้วย สำหรับใครที่อยากมีหน้าท้องแบนสวย จึงแนะนำให้ดื่มน้ำแก้วใหญ่ก่อนมื้ออาหาร และอย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเสมอ

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ

ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของการลดน้ำหนักคงหนีไม่พ้นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยมีงานวิจัยที่ชี้ว่าการนอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันนั้นสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ผู้ที่นอนน้อยยังมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นถึง 55 เปอร์เซ็นต์ด้วย ดังนั้น ถ้าไม่อยากพุงยื่นหรือมีห่วงยางรอบเอว ควรให้ร่างกายพักผ่อนอย่างเพียงพอเสมอ

  1. ขจัดความเครียด

ความเครียดเกี่ยวข้องกับการเกิดปัญหาสุขภาพสารพัด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือปัญหาน้ำหนักเกิน เนื่องจากเวลาเครียดร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อว่าคอร์ติซอลออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร เป็นเหตุให้ไขมันเกิดการสะสมอยู่ในร่างกาย ดังนั้น ใครที่กำลังเผชิญกับความเครียดอยู่ ลองหาวิธีกำจัดความเครียด โดยอาจลองทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายอย่างการดูหนัง ฟังเพลง ท่องเที่ยว เล่นโยคะ หรือนั่งสมาธิ เพื่อไม่ให้มีไขมันสะสมที่หน้าท้องมากเกินไปจนลดยาก