สาเหตุและเทคนิคกำจัดสิวอุดตันให้อยู่หมัด

สิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในวัยรุ่น โดยประเภทที่พบบ่อยคือสิวอุดตัน ซึ่งเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นตุ่มขนาดเล็กและอาจมีสีใกล้เคียงกับผิวหนัง สีดำ หรือสีขาวตามชนิดของสิวอุดตัน ซึ่งสิวอุดตันชนิดที่พบได้บ่อยคือสิวหัวดำ (Blackhead) และสิวหัวขาว (Whitehead) 

สิวอุดตันเป็นสิวชนิดไม่มีการอักเสบ จึงไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดหรือระคายผิว แต่อาจสร้างความกังวลและทำให้สูญเสียความมั่นใจได้ อย่างไรก็ตาม การดูแลผิวที่เป็นสิวอุดตันอาจไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เข้าใจสาเหตุของการเกิดสิวอุดตัน และปรับพฤติกรรมควบคู่ไปกับการใช้ยารักษาสิวอุดตัน โดยบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลไว้ให้คุณแล้ว

สาเหตุและเทคนิคกำจัดสิวอุดตันให้อยู่หมัด

สิวอุดตันเกิดจากอะไร

สิวอุดตันมักพบที่บริเวณหน้าผากและคาง มีหลายชนิดและมีขนาดที่แตกต่างกัน โดยอาจมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไปจนถึงก้อนซีสต์ (Cyst) ขนาดใหญ่ ทั้งนี้ สิวอุดตันที่พบได้บ่อยคือสิวหัวดำและสิวหัวขาว ซึ่งมีลักษณะต่างกันตามสาเหตุของการเกิดสิว ดังนี้

สิวหัวดำหรือสิวหัวเปิด 

สิวหัวดำเกิดจากการอุดตันเซลล์ผิวที่ตายแล้วและไขมัน (Sebum) ในรูขุมขน เมื่อรูขุมขนที่มีรูเปิดสัมผัสอากาศ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของเมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสีผิว

ทำให้สีผิวบริเวณที่เป็นสิวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นและมองเห็นเป็นจุดสีดำขนาดเล็ก จึงนิยมเรียกว่าสิวหัวดำ 

การอุดตันของรูขุมขนอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น ต่อมไขมันใต้รูขุมขนผลิตไขมันออกมามากเกินไป การเจริญเติบโตของโพรพิโอนิแบคทีเรียม (Propionibacterium Acnes) หรือ P. Acnes ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย หรือการใช้ยาบางชนิด อย่างยาคุมกำเนิด และยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids)

สิวหัวขาวหรือสิวหัวปิด

สิวหัวขาวมีลักษณะเป็นตุ่มสีขาวเล็ก ๆ บนผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมันและแบคทีเรียในรูขุมขนใต้ผิวหนัง โดยมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ช่วงที่มีประจำเดือน และขณะตั้งครรภ์ ซึ่งรูขุมขนที่อุดตันจะไม่มีรูเปิดให้ได้สัมผัสอากาศ จึงไม่เกิดปฏิกิริยาที่ทำให้หัวสิวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น และทำให้เรายังคงมองเห็นหัวสิวเป็นสีขาว

เทคนิครักษาสิวอุดตันให้ได้ผล

สิวอุดตันประเภทสิวหัวดำและสิวหัวขาวเป็นสิวชนิดที่ไม่รุนแรง ในเบื้องต้นสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยาทารักษาสิวที่หาซื้อได้เอง โดยตัวยาจะช่วยลดการอุดตันของสิวและช่วยให้สิวยุบลง แต่ในกรณีที่สิวอุดตันไม่หายไปหรือมีสิวเพิ่มขึ้น การรักษาโดยแพทย์จะช่วยรักษาสิวอุดตันได้อย่างตรงจุดและช่วยให้หายเร็วขึ้น โดยอาจรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

  1. การดูแลตัวเอง

ผู้ที่เป็นสิวอุดตันอย่างสิวหัวดำและสิวหัวขาว สามารถซื้อยาทารักษาสิวที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิค (Salicylic Acid) เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) และอะดาพาลีน (Adapalene) ที่สามารถหาซื้อได้จากร้านขายยา โดยปรึกษาเภสัชกรและเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของสารเหล่านี้ในปริมาณต่ำ เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว

  1. การรักษาโดยแพทย์

หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากการใช้ยารักษาสิวด้วยตัวเอง แพทย์อาจสั่งจ่ายยาทารักษาสิวที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ ซึ่งมีคุณสมบัติยับยั้งการอุดตันของรูขุมขน อย่างยาเตรทติโนอิน (Tretinoin) และยาทาซาโรทีน (Tazarotene) ที่มีความเข้มข้นระหว่าง 0.025–0.1% ซึ่งแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ควบคู่กับยาปฏิชีวนะชนิดทา หรือเบนโซอิล เพอร์ออกไซด์  นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาชนิดรับประทาน เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาปรับระดับฮอร์โมน อย่างยาคุมกำเนิด เพื่อช่วยในการรักษาสิวอุดตัน

แพทย์อาจแนะนำให้รักษาสิวอุดตันด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การกดสิว การใช้เลเซอร์ (Laser Therapy) การกรอผิว (Microdermabrasion) การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peel) การใช้ความเย็น (Cryotherapy) และการจี้ด้วยไฟฟ้า (Electrosurgery) เพื่อกำจัดสิวอุดตันและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

สิวอุดตันป้องกันได้

การรักษาสิวอุดตันต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง การปรับพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดสิวอาจช่วยป้องกันการเกิดสิวอุดตันซ้ำหลังการรักษาได้ โดยอาจใช้วิธีการดังนี้

  • ล้างหน้าให้สะอาดวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอน หรือหลังทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้าแรง ๆ ขณะล้างหน้า เพราะอาจทำให้ผิวที่เป็นสิวเกิดการระคายเคือง
  • ใช้ครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม น้ำมัน หรือสารเคมีอื่นที่เป็นอันตรายต่อผิว เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้อาจยิ่งทำให้ระคายเคือง อุดตัน และเป็นสิวได้ง่าย
  • ควรสระผมทุกวัน โดยเฉพาะผู้ที่มีสภาพผมมัน เพราะน้ำมันและสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนหนังศีรษะและเส้นผมอาจทำให้รูขุมขนบนผิวหน้าอุดตันและเกิดสิวขึ้นได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส แกะ หรือบีบสิว ซึ่งอาจทำให้แบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังบริเวณที่เป็นสิว ทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และรักษาได้ยาก รวมทั้งอาจทำให้เกิดรอยสิวบนใบหน้าได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของวิตามินเอที่ทำให้ผิวไวต่อแสง ควรใช้ครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบาไม่อุดตันผิว และมีค่า SPF 30 ขึ้นไปก่อนออกจากบ้าน โดยทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และทาหลังจากว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออก
  • ล้างเครื่องสำอางออกให้สะอาดก่อนเข้านอน หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ในการแต่งหน้า และเปลี่ยนเครื่องสำอางใหม่หากหมดอายุหรือเปิดใช้มาเป็นเวลานาน
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูปและอาหารที่มีรสหวานจัด รวมทั้งออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยลดการเกิดสิวอุดตันและช่วยให้สุขภาพดีได้จากภายใน

การรักษาสิวอุดตันให้ได้ผลอาจต้องใช้ระยะเวลา โดยอาจขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวอุดตัน วิธีรักษาในเบื้องต้นคือการดูแลตนเองด้วยการใช้ยาที่สามารถซื้อได้เองควบคู่กับการปรับพฤติกรรม อย่างไรก็ตาม หากรักษาสิวอุดตันด้วยตัวเองแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของการเกิดสิวและรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม