สังเกตอาการน้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวาน และวิธีป้องกันอย่างเหมาะสม

อาการน้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวานหรืออาการที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยโรคเบาหวานมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) เป็นภาวะที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานทุกคนควรระวัง เพราะหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมก็อาจนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ร้ายแรงขึ้น เช่น การเกิดความเสียหายต่อดวงตา ไต เส้นประสาท หัวใจ และระบบหลอดเลือดส่วนปลายได้

อาการน้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวานเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีระดับฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ หรือร่างกายไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมาได้อย่างเหมาะสม โดยอาจเป็นผลมาจากการที่ผู้ป่วยไม่ได้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง รับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปจนไม่สมดุลกับระดับอินซูลินในร่างกาย รวมถึงการรับประทานยาบางชนิด การเจ็บป่วยบางอย่าง และความเครียด  

สังเกตอาการน้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวาน และวิธีป้องกันอย่างเหมาะสม

บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับสัญญาณของการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และวิธีป้องกันอย่างง่าย ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถสังเกตตัวเอง และรับมือกับอาการน้ำตาลในเลือดสูงได้ดีมากยิ่งขึ้น

สัญญาณของการเกิดอาการน้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวาน 

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง คือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถทราบระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด หากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงว่า 125 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรหลังจากมื้ออาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง หรือมากกว่า 180 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรหลังจากมื้ออาหาร 2 ชั่วโมง จะถือว่ามีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

นอกจากนี้ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงยังอาจทำให้ผลการตรวจวัดระดับ HbA1c หรือการตรวจวัดระดับน้ำตาลในระยะยาวของผู้ป่วยโรคเบาหวานสูงมากกว่า 6.5% ด้วย และหากระดับน้ำตาลเพิ่มสูงมากขึ้น ก็อาจสามารถสังเกตได้จากอาการทางร่างกายต่อไปนี้ได้ด้วย

  • รู้สึกเหนื่อยล้าหรือง่วงมากกว่าปกติ
  • รู้สึกหิวหรือกระหายน้ำมากกว่าปกติ
  • ปัสสาวะมากกว่าปกติโดยเฉพาะตอนกลางคืน
  • น้ำหนักลดแม้จะมีพฤติกรรมการกินที่ปกติหรือมากกว่าปกติ
  • ปวดศีรษะ มองเห็นภาพซ้อน 

นอกจากนี้ หากผู้ป่วยโรคเบาหวานมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงแต่ไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุมอาการอย่างเหมาะสม สามารถนำไปสู่การเกิดภาวะเลือดเป็นกรด (Diabetic Ketoacidosis: DKA) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ด้วย 

อาการที่อาจเป็นสัญญาณของการเกิดภาวะเลือดเป็นกรด มีดังนี้ 

  • ลมหายใจมีกลิ่นเปรี้ยวผิดปกติ
  • อาเจียน
  • มีภาวะขาดน้ำ
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • หายใจลำบากหรือหายใจไม่ออก
  • เกิดความสับสน
  • เกิดภาวะโคม่า

แนวทางการป้องกันการเกิดอาการน้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวาน

ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้ด้วยการรับประทานยาหรือฉีดยาตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรลืมรับประทานยาหรือหยุดใช้ยาเองโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่ง รวมถึงควรหมั่นตรวจสอบและจดบันทึกระดับน้ำตาลในเลือดของตัวเองทุกวันด้วย

นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในปริมาณมาก เน้นรับประทานอาหารที่เหมาะสำหรับคนเป็นเบาหวาน เช่น ปลา ไข่ ผักใบเขียว และธัญพืชที่มีใยอาหารสูง รวมถึงควรหมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุล และป้องกันไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยที่อาจส่งผลกระทบต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูงตามมา 

อย่างไรก็ตาม อาการน้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวานสามารถนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายถึงชีวิตได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่า 13.3 มิลลิโมลต่อลิตร มีอาการของภาวะเลือดเป็นกรดเกิดขึ้น รวมถึงมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เกิดขึ้น เช่น ปากแห้ง เกิดความสับสน อาเจียนหรือท้องเสียอย่างต่อเนื่อง มีไข้นานกว่า 24 ชั่วโมง และเกิดอาหารหายใจลำบาก