9 วิธีลดสิวเสี้ยนให้อยู่หมัด

วิธีลดสิวเสี้ยนเป็นสิ่งที่หลายคนซึ่งกำลังประสบปัญหานี้กำลังมองหา สิวเสี้ยนมีลักษณะคล้ายจุดสีดำขนาดเล็ก เป็นสิวอุดตันหัวเปิดที่มักเกิดขึ้นเมื่อมีเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันเข้าไปอุดตันอยู่ในรูขุมขน โดยจะเกิดขึ้นบ่อยบริเวณใบหน้า จมูก คาง แก้ม คอและหน้าอก มีโอกาสเกิดในผู้ที่ผิวมันมากกว่าสภาพผิวอื่น ๆ

ถึงแม้ว่าสิวเสี้ยน จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อผิวหนัง แต่อาจทำให้บางคนรู้สึกกังวลและขาดความมั่นใจได้ และอาจนำไปสู่การรักษาสิวเสี้ยนอย่างไม่เหมาะสม เช่น การบีบ การกด และการแกะสิวด้วยตนเอง

9 วิธีลดสิวเสี้ยนให้อยู่หมัด

ซึ่งวิธีเหล่านี้อาจทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบได้ โดยวิธีที่จะช่วยลดสิวเสี้ยนอย่างเหมาะสมนั้นมีหลากหลายวิธี รวมทั้งมีแนวทางที่อาจป้องกันไม่ให้สิวเสี้ยนกลับมาเกิดซ้ำได้

วิธีลดสิวเสี้ยนอย่างเหมาะสม

โดยปกติแล้ว สิวเสี้ยนสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ แต่การดูแลรักษาผิวอย่างเหมาะสมจะช่วยลดสิวเสี้ยนและไม่ก่อให้เกิดการอักเสบหรือทิ้งรอยแผลไว้บนผิวหนัง โดยอาจเลือกใช้วิธีต่อไปนี้ในการดูแลผิวเพื่อลดสิวเลี้ยน

1. ใช้กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid)

 

ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากกรดซาลิไซลิก มักใช้ในการรักษาสิวเสี้ยน กรดนี้จะช่วยรักษาสิวเสี้ยนที่ต้นตอ ซึ่งก็คือการสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน นอกจากนี้ยังช่วยลดการเกิดสิวเห่อและลดรอยแดงจากสิว 

อย่างไรก็ตาม ควรใช้กรดซาลิไซลิกอย่างระมัดระวัง เพราะถึงแม้กรดซาลิไซลิกจะมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและอ่อนโยนต่อผิว แต่อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น เกิดการระคายเคืองต่อผิว ผิวแห้ง ผิวลอกหรือแสบผิวได้ ซึ่งหากพบอาการข้างเคียง ควรหยุดใช้ทันทีและรีบไปพบแพทย์

2. ใช้เรตินอล (Retinol)

 

เรตินอลเป็นสารอนุพันธ์จากวิตามิน A โดยผลิตภัณฑ์ที่มีสารเรตินอลจะทำหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและขจัดสิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือน้ำมันที่อุดตันรูขุมขน ช่วยให้รูขุมขนเล็กลงและป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนในอนาคต

ในช่วงแรกของการใช้เรตินอลอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ผิวแห้งและผิวลอก ซึ่งเป็นผลจากการผลัดเซลล์ผิว ควรใช้เรตินอลวันเว้นวันหรือทุก ๆ 3 วัน เพื่อปรับผิวให้คุ้นเคยกับการใช้เรตินอล โดยอาการมักจะดีขึ้นหลังจากผิวเกิดความคุ้นชินแล้ว หากไม่ดีขึ้นควรหยุดใช้หรือพบแพทย์ทันที

3. ใช้กรดอัลฟาไฮดรอกซี หรือ AHAs (Alpha Hydroxy Acids) 

 

ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดกรดอัลฟาไฮดรอกซีหรือ AHA อาจช่วยลดสิวเสี้ยนได้โดยการสลายสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนและช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสการเกิดสิวในอนาคต นอกจากนี้ AHAs ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อีกด้วย การใช้กรดชนิดนี้อาจมีผลข้างเคียงคือ แสบผิว ผื่นแดง อาจทำให้ผิวบอบบางและไวต่อแสงแดดได้ จึงควรใช้เพียงสัปดาห์ละ 2–3 ครั้งและทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกข้างนอก

 4. ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนและมาส์กหน้า

 

การใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนและการมาส์กหน้า เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เป็นที่นิยม เพราะช่วยขจัดสิวเสี้ยนได้อย่างรวดเร็ว แต่อาจกำจัดได้ไม่หมด อีกทั้งยังทำให้น้ำมันหรือองค์ประกอบที่มีประโยชน์ต่อผิวหนังถูกกำจัดออกไปด้วย การใช้มาส์กและแผ่นลอกสิวเสี้ยนอาจทำให้ผิวหนังแห้งและระคายเคือง ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นและก่อให้เกิดสิวเสี้ยนอีกครั้ง

5. กดสิว 

การกดสิวเป็นการรักษาที่ใช้อุปกรณ์เพื่อกดหรือบีบสิวเสี้ยนออกจากผิวหนัง หากเลือกใช้วิธีนี้ควรหลีกเลี่ยงการกดสิวด้วยตนเอง เพราะอาจสร้างความเสียหายต่อผิวได้ ควรให้แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเป็นคนกดสิวให้ เพราะมีการใช้อุปกรณ์ที่สะอาดและปลอดภัยในการกดสิวเสี้ยนออกจากรูขุมขนได้

6. ใช้ยาปฏิชีวนะ 

ถึงแม้สิวเสี้ยนจะไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ แต่แพทย์ผิวหนังอาจแนะนำการใช้ยาปฏิชีวนะทั้งแบบครีมหรือแบบเจล ซึ่งช่วยรักษาผู้ที่มีสิวเสี้ยนอาการปานกลางถึงรุนแรงได้ มักใช้ร่วมกับการรักษาแบบอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การรักษาร่วมกับเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) 

7. ขัดผิวด้วยผงผลึกแร่ (Microdermabrasion) 

ไมโครเดอมาเบรชั่นเป็นการรักษาสิวเสี้ยนด้วยการขัดผิวด้วยผงผลึกแร่ พร้อมกับการดูดเบา ๆ วิธีนี้ช่วยบรรเทาสิวเสี้ยนด้วยการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกและขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันส่วนเกิน ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยน นอกจากนี้ยังช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว ลดเลือนริ้วรอยและทำให้รูขุมขนกระชับมากขึ้นอีกด้วย 

8. ผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical peels) 

สำหรับการลดสิวเสี้ยนวิธีนี้ แพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญจะใช้สารเคมีอ่อน ๆ เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป โดยจะผิวหนังจะเรียบเนียนมากขึ้นหลังการผลัดเซลล์ผิว ช่วยลดการอุดตันและลดสิวเสี้ยน สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้าและคอ ซึ่งเป็นบริเวณที่พบสิวเสี้ยนได้บ่อย

9. เลเซอร์ผิว 

การรักษาด้วยเลเซอร์ จะมีประสิทธิภาพในการลดสิวเสี้ยนมากขึ้น หากรักษาร่วมกับการรักษาแบบอื่น เช่น การรักษาด้วย IPL   (Intense pulsed light) หรือแสงที่มีความเข้มข้นสูงพร้อมกับการดูดเบา ๆ เพื่อขจัดน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากรูขุมขน สามารถช่วยลดสิวเสี้ยนได้ 

แม้ว่าสิวเสี้ยนไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่อาจป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนได้ด้วยการเลี่ยงการจับหน้าบ่อย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสกับเชื้อโรค ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและโฟมล้างหน้าเป็นประจำ เช็ดเครื่องสำอางทุกครั้งหลังจบวัน หรือทำการขัดผิว โดยผู้ที่มีผิวมัน ควรทำสัปดาห์ละ 1–2 ครั้งสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

นอกจากนี้ สามารถทามอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันแสง UV ทุกครั้งก่อนออกข้างนอกเพื่อป้องกันผิวไม่ให้ถูกทำร้าย โดยผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันรูขุมขนและไม่มีแอลกอฮอล์ จะช่วยลดการอุดตันและป้องกันผิวแห้ง ได้

การลดสิวเสี้ยนด้วยวิธีที่เหมาะสมอาจช่วยลดการเกิดของสิวเสี้ยนได้ หากลองลดสิ้วเสี้ยนด้วยวิธีการต่าง ๆ แล้วสิวเสี้ยนไม่ลดลงหรือไม่ดีขึ้น สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป