วัคซีนภูมิแพ้

วัคซีนภูมิแพ้

วัคซีนภูมิแพ้ (Allergen Immunotherapy) เป็นวัคซีนป้องกันและบรรเทาอาการจากโรคภูมิแพ้ เช่น โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ภูมิแพ้ขึ้นตา โรคหืดจากภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ หรืออาการแพ้จากแมลงกัดต่อย ซึ่งวัคซีนภูมิแพ้จะผลิตจากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ ในปริมาณที่เล็กน้อย แต่เพียงพอจะกระตุ้นร่างกายให้มีภูมิต้านทานต่อสารที่ผู้ป่วยแพ้โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมา ซึ่งจะเรียกวิธีนี้ว่า ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) อย่างไรก็ตาม วัคซีนภูมิแพ้ไม่สามารถป้องกันอาการแพ้อาหารหรือลมพิษเรื้อรังได้

การฉีดวัคซีนภูมิแพ้จะเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการใช้ยารับประทานให้น้อยลง ยาแก้แพ้ใช้ไม่ได้ผลหรือก่อให้เกิดผลข้างเคียง ไม่ต้องการรับประทานยาในระยะยาว หรือแพ้สารก่อภูมิแพ้ชนิดที่ไม่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งวัคซีนจะเห็นผลหลังเข้ารับการฉีดไปแล้ว 3-6 เดือน และอาการแพ้อาจหายไปหลังฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-5 ปี ตามดุลยพินิจของแพทย์

Allergen immunotherapy

เกี่ยวกับยา Amikacin

กลุ่มยา วัคซีนป้องกันโรค
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์
สรรพคุณ ป้องกันโรคภูมิแพ้
กลุ่มผู้ป่วย เด็กที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยาฉีด
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์
และผู้ให้นมบุตร
การวัคซีนภูมิแพ้ปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตร หากตั้งครรภ์หลังฉีดวัคซีนเข็มแรก ผู้ป่วยสามารถฉีดวัคซีนเข็มต่อไปได้ โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณวัคซีนจนกว่าจะคลอดบุตรเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ควรเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกในระหว่างการตั้งครรภ์ ดังนั้น สตรีมีครรภ์หรือวางแผนจะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนได้รับวัคซีนเสมอ

คำเตือนสำหรับการฉีดวัคซีนภูมิแพ้

เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • ห้ามใช้วัคซีนภูมิแพ้กับผู้ที่มีประวัติแพ้วัคซีนชนิดนี้ 
  • แจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับยา วิตามิน หรือสมุนไพรทุกชนิดที่ผู้ป่วยกำลังใช้อยู่ เพราะยาบางชนิดอาจทำปฏิกิริยากับวัคซีนภูมิแพ้ หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงมากขึ้น 
  • ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการตรวจเลือดหรือทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อตรวจหาสารต้นเหตุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการฉีดวัคซีน หากผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายโดยเฉพาะหากป่วยเป็นโรคหืด  
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนการฉีดวัคซีน หากผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจหรือโรคปอด เพราะอาจเป็นอันตรายแก่ร่างกายได้
  • ผู้ที่มีปฏิกิริยาการแพ้หลังฉีดวัคซีนเข็มแรกควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • ผู้ป่วยอาจรับประทานยาแก้แพ้ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่ฉีดวัคซีน แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
  • การฉีดวัคซีนในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ควรอยู่ภายใต้การดูแลและได้รับอนุญาตจากแพทย์เท่านั้น 
  • เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่ควรฉีดวัคซีนภูมิแพ้ เพราะอาจสังเกตอาการแพ้วัคซีนได้ยาก 

ปริมาณการฉีดวัคซีนภูมิแพ้

ปริมาณและระยะเวลาในการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ในเด็กที่มีอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ โดยในช่วง 3-6 เดือนแรก แพทย์จะฉีดวัคซีน 1-3 ครั้ง/สัปดาห์ และจะเพิ่มปริมาณวัคซีนทีละน้อยจนถึงปริมาณสูงสุดที่ผู้ป่วยทนได้ หลังจากนั้นจะฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง 1 ครั้ง/เดือน เป็นระยะเวลาประมาณ 3-5 ปี เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน

การฉีดวัคซีนภูมิแพ้

คำแนะนำในการฉีดวัคซีนภูมิแพ้สำหรับผู้ป่วยมีดังนี้

  • วัคซีนภูมิแพ้จะฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • หลังการฉีดวัคซีนประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ป่วยควรพักดูอาการและตรวจดูบริเวณที่ฉีดวัคซีนก่อนกลับบ้าน หากพบความผิดปกติควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที เช่น อาการบวมแดง คันตา หายใจลำบาก น้ำมูกไหล แน่นคอ เป็นต้น 
  • ผู้ป่วยควรงดออกกำลังกาย ทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก หรือทำงานอย่างหนัก ทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีนภูมิแพ้มาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้เลือดที่ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อไหลเวียนจนสารก่อภูมิแพ้กระจายไปทั่วร่างกายได้
  • แจ้งให้แพทย์ทราบหากการฉีดวัคซีนครั้งล่าสุดส่งผลให้เกิดอาการใด ๆ ภายใน 24 ชั่วโมง  
  • ผู้ป่วยควรไปฉีดวัคซีนตามนัดหมายอย่างต่อเนื่อง เพราะจะช่วยให้ป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากลืมฉีดวัคซีนควรแจ้งทางสถานพยาบาล เพื่อทำการนัดหมายใหม่อีกครั้ง

ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนภูมิแพ้

โดยทั่วไป วัคซีนภูมิแพ้จะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงมากนัก แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้จากในวัคซีน เช่น

  • มีอาการแพ้บริเวณที่ฉีดวัคซีน เช่น ผิวหนังบวม ระคายเคือง หรือคัน เป็นต้น โดยจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงและหายได้เองในเวลาไม่นาน 
  • มีอาการแพ้ทั่วร่างกาย เช่น จาม คัดจมูก ลมพิษ รวมถึงอาการที่รุนแรงอย่างคอบวม หายใจมีเสียงหวีด หรือแน่นหน้าอก เป็นต้น
  • มีอาการแพ้รุนแรงอย่างเฉียบพลัน (Anaphylaxis) เช่น ความดันโลหิตต่ำ หายใจลำบาก คอบวม หายใจมีเสียงหวีด แน่นหน้าอก คลื่นไส้ และเวียนศีรษะ โดยมักจะแสดงอาการออกมาหลังได้รับวัคซีนไปแล้ว 30 นาที และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่พบได้น้อยมาก

อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้มักแสดงออกหลังการฉีดวัคซีนไม่นาน ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างทันท่วงที แต่หากพบอาการแพ้หรือความผิดปกติอื่นใดนอกเหนือจากนี้ในภายหลัง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยเร็ว