มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนอาจบ่งบอกถึงสัญญาณบางอย่างที่คุณแม่มือใหม่ไม่ควรมองข้าม ถึงแม้ว่าการมีเลือดออกจากช่องคลอดอาจทำให้ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์รู้สึกกังวล แต่คุณแม่ควรใจเย็น เพราะอาการเลือดออกอาจไม่ใช่สัญญาณอันตรายต่อแม่และลูกน้อยในครรภ์เสมอไป
มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือน รวมถึงการมีเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงไตรมาสแรกเป็นเรื่องทั่วไปที่พบได้ขณะตั้งครรภ์ ซึ่งผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งหากพบเลือดออกจากช่องคลอด โดยแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยสาเหตุว่าการมีเลือดออกนั้นเป็นอันตรายหรือไม่ และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
สาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือน
มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
1. การเปลี่ยนแปลงบริเวณปากมดลูก
ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายอาจปล่อยฮอร์โมนบางชนิดที่ทำให้บริเวณปากมดลูกบอบบางและมีเลือดออกง่ายกว่าปกติ โดยผู้ที่มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนอาจสังเกตเห็นเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังจากการตรวจภายใน (Pelvic exam) ซึ่งอาจเกิดจากการที่บริเวณปากมดลูกระคายเคืองและทำให้มีเลือดออกตามมา โดยเลือดมักจะหยุดไหลได้เองเมื่อเวลาผ่านไป
2. ติ่งเนื้อที่ปากมดลูก (Cervical polyps)
ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกเป็นอาการที่มีติ่งเนื้อเจริญเติบโตอยู่บริเวณปากมดลูกหรือโพรงมดลูก ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ปากมดลูกอักเสบเรื้อรัง การติดเชื้อบริเวณปากมดลูก รวมถึงการที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มสูงขึ้นขณะตั้งครรภ์ โดยติ่งเนื้ออาจทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง และนำไปสู่การมีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนได้ หากติ่งเนื้อเกิดในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ติ่งเนื้อที่ปากมดลูกอาจไม่แสดงอาการใด ๆ และส่วนใหญ่อาจตรวจพบได้ขณะเข้ารับการตรวจภายในจากแพทย์
3. การติดเชื้อ
การติดเชื้อต่าง ๆ บริเวณอวัยวะเพศหญิง เช่น เชื้อราในช่องคลอด หนองในแท้ หนองในเทียม หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ รวมถึงการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้มีเลือดออกจากช่องคลอด ดังนั้น หากมีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือน ร่วมกับการมีตกขาวผิดปกติ ก็อาจเกิดจากการติดเชื้อในช่วงเวลาดังกล่าวได้
4. ท้องนอกมดลูก
มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนอาจมีสาเหตุมาจากการท้องนอกมดลูกท้อง ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิฝังตัวอยู่นอกมดลูก โดยส่วนใหญ่มักฝังตัวอยู่บริเวณท่อนำไข่ (Fallopian tube) โดยตัวอ่อนที่ฝังตัวอยู่นอกมดลูกอาจไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปเป็นทารกในครรภ์ได้ และอาจทำให้ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์มีอาการต่าง ๆ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องหรือปวดท้องน้อย
อย่างไรก็ตาม หากตัวอ่อนยังคงเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อาจส่งผลให้ท่อนำไข่แตก และเป็นอันตรายต่อชีวิตของผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ได้
5. ภาวะแท้ง
ภาวะแท้งมักเกิดขึ้นในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โดยอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ความผิดปกติของโครโมโซม อายุของผู้ที่ตั้งครรภ์ การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติด รวมถึงปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น โรคไทรอยด์ หรือป่วยเป็นโรคเบาหวานและไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลได้
โดยเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนอาจเป็นสัญญาณของภาวะแท้ง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ปวดหลัง มีเลือดออกจากช่องคลอดเพียงเล็กน้อยและอาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาจมีเนื้อเยื่อสีเทาหรือลิ่มเลือดถูกขับออกมาด้วย
วิธีรับมือเมื่อมีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนอย่างเหมาะสม
ในบางครั้ง การมีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนอาจดีขึ้นได้เอง แต่ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ยังคงจำเป็นต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น โดยผู้ที่มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนควรจดบันทึกรายละเอียดของอาการเลือดออกต่าง ๆ เช่น สีของเลือด ความข้นหนืดของเลือด ปริมาณเลือด เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการเลือดออกจากช่องได้อย่างแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีสัญญาณของอาการรุนแรง เช่น
- มีเลือดออกทางช่องคลอดในปริมาณมาก จนอาจต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 2–3 ชั่วโมง
- มีลิ่มเลือดหรือมีเนื้อเยื่อออกมาพร้อมกับเลือด
- ปวดท้องหรือปวดท้องน้อย
- มีไข้ หนาวสั่น
- เวียนศีรษะ
- หมดสติ
มีเลือดออกตอนท้อง 2 เดือนอาจทำให้ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์รู้สึกกลัวและกังวล แต่อาการเลือดออกขณะตั้งครรภ์อาจไม่ใช่เรื่องร้ายแรงเสมอไป ดังนั้น การพูดคุยกับคนรักและคนใกล้ชิดอาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น และช่วยให้ผ่านพ้นกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับสาเหตุของการมีเลือดออก เพื่อนำไปสู่การตรวจและดูแลรักษาที่เหมาะสมต่อไป