เสี่ยงมา กลัวติดเชื้อเฮชไอวี กลัวเป็นโรคหิดซ้ำ

สวัสดีค่ะ คุณ oatthaphong minna

การตรวจหาเชื้อไวรัสเฮชไอวี (HIV) ที่เป็นสาเหตุ ทำให้เกิดโรคเอดส์ เอดส์ สามารถตรวจเพื่อวินิจฉัยได้หลายแบบค่ะ  

-ตรวจหาแอนติบอดี (Antibody) ซึ่งโรงพยาบาล โดยส่วนมากจะตรวจด้วยวิธีนี้ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นการตรวจหา แอนติบอดี หรือภูมิต้านทานที่ร่างกายมีต่อเชื้อ แสดงว่ามีการติดเชื้อเฮชไอวีจริง ซึ่งมีหลายเทคนิคในการตรวจ ทั่วไปจะทำการตรวจ 3 วิธี เพื่อยืนยัน และป้องกันผลบวกลวง กรณีที่มีการติดเชื้อค่ะ สำหรับการตรวจวิธีนี้ ต้องรอให้ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อออกมาก่อน เเล้วทำการตรวจหาภูมิคุ้มกันนั้นค่ะ ดังนั้น โดยทั่วไปคือประมาณ 3 เดือน การที่ตรวจวิธีนี้รอบเเรกตอนน้อยกว่า 3 เดือน จึงถือว่ายังมีความเสี่ยงอยู่ที่ต้องตรวจซ้ำอีกทีตอน 3 เดือนค่ะ 

-การตรวจหาเชื้อ หรือโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของเชื้อ สามารถตรวจพบได้เร็วขึ้น ประมาณไม่เกิน 1 เดือน นับจากช่วงที่มีความเสี่ยงมา ทั้งนี้ ถ้าตรวจพบว่ามีหรือไม่มีการติดเชื้อ ก็ขอเเนะนำให้ตรวจหาภูมิคุ้มกัน หรือ สิ่งที่เรียกว่า แอนติบอดี (Antibody) ต่อการติดเชื้อเฮชไอวี เพื่อยืนยัน ในช่วง 3 เดือนร่วมด้วยค่ะ 

ถ้าถามเปอร์เซนต์ความแม่นยำ ขึ้นอยู่กับว่าตรวจเเบบไหนค่ะ 

สำหรับอาการเมื่อยเนื้อ ปวดตามตัว สามารถเป็นได้จากทั้งอาการอ่อนเพลียทั่วไป หรือติดเชื้อไวรัสอื่นๆ นอกเหนือจากเฮชไอวี ก็ได้เช่นกันค่ะ ระหว่างนี้ แนะนำว่าพยายามใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ ร่วมกับตรวจเลือดซ้ำในอีก  3 เดือนเพื่อยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อค่ะ 

ส่วนการเป็นโรคหิด โดยส่วนมาก ถ้ารักษาเเล้วหายขาด ถือว่าน่าจะปลอดภัยค่ะ ยกเว้นเเต่ได้รับการติดเชื้อครั้งใหม่ ก็สามารถเป็นได้อยู่ค่ะ