มีอาการอุจจาระน้อย อุจจาระเหลว ปวดท้องเป็นระยะๆ เเต่ปวดเเปปเดืยวก็หาย ต้องทำอย่างไรครับ

 สวัสดีค่ะ คุณ Fantom.@,

             โดยปกติ คนเราจะถ่ายอุจจาระทุกวัน หากถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ถือว่ามีอาการท้องผูก หากถ่ายอุจจาระมีลักษณะเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไปใน 1 วัน ถือว่ามีอาการท้องเสีย หรือหากถ่ายเเป็นมูกหรือมูกปนเลือดปนเลือดเพียง 1 ครั้งถือว่ามีท้องเสียเช่นกัน

            ขนาดลำอุจจาระ ปริมาณอุจจาระ สี และความแข็งหรือนิ่มของอุจจาระจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน และคนๆเดียวกัน ก้จะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารและลักษณะของอาหาร รวมถึงปริมาณน้ำที่ทานในแต่ละวัน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น การทานยา การเคลื่อนไหวของร่างกาย ความเครียด เป็นต้น

             ดังนั้นหากคุณ Fantom.@ มีอาการถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวันขึ้นไป แม้จะมีปริมาณไม่มาก ถือว่ามีอาการของท้องเสีย โดยหากเป็นน้อยกว่า 2 สัปดาห์ถือว่าเป็นท้องเสียเฉียบพลัน หากเป็นนานกว่า 4 สัปดาห์ ถือว่าเป็นท้องเสียเรื้อรัง

             ในท้องเสียแบบเฉียบพลันนั้น มักมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดเกร็งท้องหรือปวดบิดเป็นพักๆ ท้องอืด คลื่นไส้ อ่อนเพลีย รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว และมีไข้ สาเหตุเกิดจากการกินอาหารและดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรค หรือจากมือหรือภาชนะที่ใส่อาหารและน้ำดื่มไม่สะอาด มีการปนเปื้อน เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ มีได้ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัว

           แต่หากเป็นท้องเสียเรื้อรัง อาจเกิดจากการติดเชื้อพยาธิ เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิดอย่างต่อเนื่อง ยารักษาโรคเก๊าท์ ผลข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีบำบัดหรือฉายรังสีเพื่อรักษาโรคมะเร็ง

           หากมีอาการเรื้อรังของการถ่ายอุจจาระเหลวและบ่อยสลับกับอาการท้องผูก อุจจาระมีมูกปน กลั้นอุจจาระไม่อยู่ รวมถึงปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด อาจเกิดจากโรคลำไส้แปรปรวน หากอุจจาระมีเลือดปนด้วย อาจเกิดจากเนื้องอกหรือมะเร็งในลำไส้

             ในเบื้องต้นแนะนำให้กินอาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย รสจืด ทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่เสมอ ดื่มน้ำสะอาดให้มาก และดื่มน้ำเกลือแร่เสริมทดแทนด้วย อาจทานคาร์บอนเพื่อช่วยในการดูดซึมสารพิษ หากอาการยังไม่ดีขึ้นแนะนำไห้ไปพบแพทย์ค่ะ